วัดเซนโคจิ จุดแวะยอดนิยมบนทางอ้อมของเส้นทางนากะเซ็นโด

เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์และกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่หลากหลาย

19889_ext_01_th_0_L-1

เส้นทางนากะเซ็นโด (Nakasendo) ที่คดเคี้ยวผ่านหุบเขาคิโสะ ของจังหวัดนากาโน่เป็นเส้นทางเก่าแก่ที่เชื่อมเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) กับเกียวโตโดยเส้นทางนี้พาดผ่านเมืองสำหรับการแวะพักหลายแห่งและเหล่านักเดินทางก็จะพักค้างคืนตามเมืองเหล่านี้ระหว่างการเดินทางบนเส้นทางอันยาวไกลเส้นทางนี้ หลายคนได้ใช้เส้นทางอ้อมยอดนิยมที่รู้จักในชื่อเซนโคจิ คาอิโด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังวัดเซนโคจิ เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์และกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่หลากหลายที่วัดเปิดให้บริการ กิจกรรมที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คือ การทำวัตรเช้าแบบโออาซาจิ นอกจากนี้ ยังมีที่พักในวัดที่เรียกว่าชุคุโบ หลายแห่งที่สร้างขึ้นในบริเวณไม่ไกลจากวัดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้ลองชิมอาหารที่เรียบง่ายและหรูหราของเหล่าภิกษุซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางทางจิตวิญญาณของพวกเขาแล้วละก็ นักท่องเที่ยวจำนวนมากจะรู้สึกทึ่งกับความงดงามของอาหารเหล่านี้ เมื่อการเดินทางในเส้นทางอ้อมนี้สิ้นสุดลง เหล่านักเดินทางก็สามารถมุ่งหน้ากลับมายังเส้นทาง นากะเซ็นโดเพื่อเดินทางตามแผนการเดินทางต่อไป

ประวัติของพื้นที่

เส้นทางนากะเซ็นโด

โชกุนโทกูงาวะ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในการก่อสร้างเส้นทางเพื่อเชื่อมเมืองหลวงเก่าและเมืองหลวงใหม่ในเอโดะ เส้นทางนากะเซ็นโดเป็นหนึ่งในเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้น โดยสร้างตัดผ่านพื้นที่ภูเขาของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเส้นทางสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงน้ำท่วมหรือเส้นทางที่มีแม่น้ำไหลผ่านซึ่งพบเจอได้บ่อยครั้งระหว่างการเดินทางบนเส้นทางหลักอีกสายอย่างเส้นทางโทคาอิโด

เส้นสีม่วงคือเส้นทางเซนโคจิ คาอิโด
เส้นทางอ้อมนี้แยกจากเส้นทางหลักที่เซบะ หรือโออิวาเคะ เพื่อไปยังวัดเซนโคจิ

แม้ว่าผู้คนมากมายจะต้องเดินทางไปยังจุดหมายที่ห่างไกล แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อยก็เลือกที่จะเดินอ้อมไปยังวัดเซนโคจิ นักเดินทางจะใช้เส้นทางอ้อมเส้นทางใดเส้นทางหนึ่งหนึ่งในสองเส้น โดยจะเริ่มต้นจากโออิวาเคะหรือเซบะโดยเส้นทางนี้เป็นที่รู้จักในชื่อเซนโคจิ คาอิโด แม้ว่าเส้นทางจากเกียวโตไปยังโตเกียวจะเป็นการเดินทางที่ยาวนาน แต่ก็มีนักเดินทางที่มีความกระตือรือร้นที่จะใช้เวลาหลายวันเพื่อผ่านเส้นทางที่ยาวกว่า 120 กิโลเมตรซึ่งเต็มไปด้วยความขรุขระของภูเขาเพื่อเดินทางไปยังวัดเซนโคจิ การเดินทางมายังวัดเซนโคจิก็เหมือนพวกเขาได้เดินทางมาถึงดินแดนอันบริสุทธิ์โดยไม่ต้องคำนึงถึงความเชื่อส่วนบุคคลหรือสถานะทางสังคมจึงทำให้การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เป็นการเดินทางครั้งสำคัญสำหรับนักเดินทางจนก่อให้เกิดวลีที่ว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เซนโคจิ”

ประวัติของวัดเซนโคจิ

วัดเซนโคจิมีประวัติอันยาวนาน กล่าวกันว่าเมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อน พุทธศาสนาได้เข้ามาเผยแผ่ในประเทศญี่ปุ่น และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวว่าวัดเซนโคจิมีพระพุทธรูปที่สำคัญประดิษฐานอยู่ด้านใน ซึ่งถือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ถูกนำเข้ามายังประเทศญี่ปุ่นในช่วงแรกของการเผยแผ่พุทธศาสนาจึงอาจกล่าวได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น
ในช่วงเวลานั้นมีการเคลื่อนไหวที่รู้จักในชื่อฮาอิบุสึ-ชูกิ (กลุ่มที่ต้องการล้มล้างศาสนาพุทธโดยการทำลายวัดพุทธ พระพุทธรูป และพระสูตร) กลุ่มผู้นิยมลัทธิการล้มล้างศาสนาพุทธได้พยายามที่จะกำจัดศาสนาพุทธที่เพิ่งเปิดตัว ด้วยความพยายามในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จในการกำจัดพระพุทธรูปองค์แรกของญี่ปุ่น โชคดีที่โยชิมิสึ ฮอนดะ ผู้ปกครองของภูมิภาคนี้ได้ช่วยเก็บรักษาพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ และนำไปที่ชินาโนะ (หรือจังหวัดนากาโน่ในปัจจุบัน) ต่อมาในปี 644 จักรพรรดิมีดำริขอให้สร้างวัดเซนโคจิ โดยคำว่า “Zenko” ของ Zenkoji มาจากคำอ่านอีกแบบนึงของชื่อโยชิมิสึ และวัดแห่งนี้ไม่เพียงเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แรกนี้เท่านั้น แต่ยังมีรูปปั้นของโยชิมิสึ ฮอนดะอีกด้วย

พระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ที่ดาอิฮนกัน

เมื่อมีคำร่ำลือว่าวัดเซนโคจิมีพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นประดิษฐานอยู่ก็ทำให้พระภิกษุที่มีชื่อเสียงหลายรูปเริ่มเดินทางมาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ ต่อมาในช่วงสงครามระหว่างรัฐ (1467-1615) พระพุทธรูปได้เปลี่ยนมือหลายครั้งตามผู้ชนะสงคราม มีตำนานกล่าวว่าขุนศึกนามว่าโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ได้ส่งคืนพระพุทธรูปให้กับวัดเซนโคจิหลังจากที่เขาฝันว่าพระพุทธรูปกล่าวกับเขาว่าอยากกลับบ้าน
ในปัจจุบันวัดเซนโคจิถูกบริหารจัดการโดยวัด 2 แห่งที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ได้แก่ วัดดาอิคันจิน ซึ่งเป็นวัดของนิกายเทนดาอิ หรือนิกายมหายาน และวัดดาอิฮนกัน ของนิกายโจโด หรือนิกายสุขาวดีส่งผลให้วัดเซนโคจิมีเจ้าอาวาส 2 รูปแทนที่จะมีเพียงรูปเดียวเหมือนวัดอื่นๆ

วัดเซนโคจิ : สถานที่ท่องเที่ยวหลัก

หากถามว่าอะไรทำให้การเดินทางมาวัดเซนโคจิแตกต่างจากวัดอื่นๆ ในญี่ปุ่น คำตอบที่ชัดเจนก็คือ เป็นเรื่องยากที่จะได้พบกับกิจกรรมและประสบการณ์ที่หลากหลายจากวัดอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงกับวัดเซนโคจิ เพราะที่วัดเซนโคจิแห่งนี้คุณสามารถค้างคืนที่ชุคุโบเพื่อสัมผัสชีวิตประจำวันของพระสงฆ์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนั้น คุณยังจะได้เพลิดเพลินกับสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ สวนที่สวยงาม การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและยังมีกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่หลากหลายที่ยากที่จะสัมผัสจากที่อื่น

ที่พักในวัดหรือชุคุโบ

ประตูทางเข้าของชุคุโบ

เดิมทีชุคุโบเป็นสถานที่รับรองการค้างคืนของพระภิกษุและผู้แสวงบุญที่เดินทางมายังวัดแห่งนี้โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเข้าร่วมพิธีทำวัตรเช้าโออาซาจิ เพราะที่พักในเส้นทางนากะเซ็นโดนั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะเดินทางแบบไปกลับได้ และในปัจจุบันก็มีนักท่องเที่ยวมาค้างคืนที่ ชุคุโบเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจึงส่งผลให้มีบริการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันมีชุคุโบจำนวน 39 ห้องให้บริการที่วัดเซนโคจิ แต่ละห้องมีทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจของวัด และคุณจะได้เห็นพระภิกษุดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตนและเรียบง่าย ด้านในของที่พักมีความเรียบง่ายที่มาพร้อมกับความผ่อนคลายและความสะดวกสบาย

เราไม่อยากให้คุณสับสนระหว่างที่พักชนิดนี้กับที่พักทั่วไป เพราะการพักที่ชุคุโบนั้นจะมีการบริหารจัดการไม่ให้คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจวัตรของเหล่าพระภิกษุ ดังนั้นเวลาสำหรับการทานอาหารเช้า อาหารเย็น และเวลาอาบน้ำจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และการทำวัตรเช้าก็จะจัดขึ้นในเวลาเช้าตรู่

อาหารชุดมังสวิรัติสไตล์โชจินเรียวริ

อาหารมังสวิรัติประกอบด้วยข้าว เทมปุระผัก เต้าหู้ ผักดองและเครื่องเคียงอื่น ๆ

คุณจะได้รับประทานอาหารญี่ปุ่นหลากหลายเมนูที่เน้นความเรียบง่ายและรสชาติแบบธรรมชาติสไตล์โชจินเรียวริซึ่งเป็นอาหารชั้นสูง อาหารแบบดั้งเดิมเหล่านี้ถูกจัดเตรียมไว้ให้พระภิกษุโดยไม่ใส่เนื้อสัตว์ ปลาหรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่นๆ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทานอาหารแบบวีแกนหรือมังสวิรัติและทุกคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์

วัตถุดิบของโชจินเรียวริเป็นผักตามฤดูกาล ผักจากภูเขา และอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองซึ่งมีชื่อเสียงในญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้หรือนัตโตะ (ถั่วเน่าญี่ปุ่น) ว่ากันว่าอาหารเหล่านี้สร้างความสอดคล้องกันระหว่างร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ อาจกล่าวได้ว่าอาหารสไตล์นี้เป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่ก็มีอิทธิพลของอาหารชั้นสูงของญี่ปุ่นหรือคาอิเซคิ ปนอยู่

การทำวัตรเช้าโออาซาจิ

พระภิกษุตั้งสมาธิในการสวดมนต์

เหตุผลที่สำคัญที่สุดที่ผู้คนเดินทางมายังวัดเซนโคจิคือ การเข้าร่วมพิธีโออาซาจิ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะมาพักค้างคืนในห้องโถงหลักและร่วมการทำวัตรเช้าในช่วงเช้าของวันสุดท้ายที่พักที่ชุคุโบ โดยพิธีโออาซาจิเป็นพิธีกรรมการสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปสู่สุคติ คุณสามารถได้ยินเสียงการทำวัตรเช้าดังจากวัดเซนโคจิ

ถ้าคุณค้างคืนที่ชุคุโบเราไม่อยากให้คุณพลาดพิธีทำวัตรเช้า แต่ถ้าคุณมีคำถามว่าต้องตื่นเช้าแค่ไหนแล้วละก็พิธีทำวัตรเช้าเริ่มตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น โดยเวลาที่แน่นอนจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดทั้งปี การสวดมนต์ของพระภิกษุมีความสอดคล้องกันและมีความขลังเป็นอย่างมาก แม้ว่าคุณจะไม่เข้าใจบทสวดมนต์นั้นแต่ถ้าคุณลองนั่งลง และปล่อยให้พวกเขาชำระล้างคุณแล้วละก็คุณจะพบว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแปลบทสวดเหล่านั้นเลย หลังจากพิธีทำวัตรเช้าสิ้นสุดลง คุณจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าและคำสวดของเหล่าภิกษุนั้นจะอยู่กับคุณไปตลอดทั้งวัน

ช่วงเวลาที่เจ้าอาวาสของวัดดาอิคันจินและวัดดาอิฮนกัน เดินทางมาพิธีทำวัตรเช้า ท่านอาจให้พรเหล่าผู้ศรัทธาด้วยการลูบหัวด้วยลูกประคำของพวกเขา นักท่องเที่ยวมากมายจะเข้าแถวด้านนอกวัดก่อนพิธีโออาซาจิจะเริ่มต้นขึ้นเพื่อรับพรจากเจ้าอาวาสทั้งสอง

นักบวชเดินผ่านผู้เลื่อมใสศรัทธาระหว่างเดินทางไปทำวัตรเช้า

กิจกรรมทางจิตวิญญาณอื่นๆ

การนั่งสมาธิแบบซาเซน

คุณสนใจจะฝึกให้จิตใจผ่องใสด้วยการทำสมาธิแบบมีผู้ให้คำแนะนำหรือไม่ ซาเซนเป็นแนวทางปฏิบัติทางพุทธศาสนาที่ใช้การนั่งด้วยอิริยาบถที่ถูกต้อง เน้นที่การหายใจเพื่อไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านหรือมีความแปรปรวนทางอารมณ์ ดาอิคันจินของวัดเซนโคจิได้เสนอการบริการการทำสมาธิในแบบซาเซน โดยมีพระภิกษุบรรยายการนั่งในอิริยาบถที่ถูกต้อง พร้อมสอนวิธีการหายใจและการควบคุมความคิดเพื่อให้คุณได้มีเวลาได้ไตร่ตรองภายในตัวเอง

การลองทำสมาธิแบบซาเซน

การคัดลอกพระสูตร

คุณสามารถมาลองคัดลอกพระสูตรด้วยมือได้ที่ดาอิคันจิน โดยการคัดลอกพระสูตรเป็นการฝึกสมาธิเพราะระหว่างที่เขียนพระสูตรลงบนกระดาษจะก่อให้เกิดความสงบในจิตใจและเรียนรู้ในการควบคุมอารมณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

การตั้งสมาธิคัดลอกพระสูตร

การเผาแผ่นไม้เพื่อขอพรหรือโกมะทากิ

โกมะทากิเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่ใช้วิธีการเผาแผ่นไม้เพื่อขอพร วิธีการขอพรคือเขียนพรที่คุณปรารถนาลงบนแผ่นไม้และจุดไฟเผาเพื่อให้พรกลายเป็นจริง เปลวไฟจะทำลายพลังลบพร้อมเป็นการชำระล้างทั้งร่างกายและจิตใจ

การเผาไม้เพื่อการขอพร

บทสรุป

การเดินทางในเส้นทางนากะเซ็นเป็นการเปิดประสบการณ์ของเส้นทางญี่ปุ่นโบราณซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์หลายแห่งแต่หากคุณเดินทางมายังวัดเซนโคจิคุณจะได้พบกับประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปเพราะคุณจะได้สัมผัสกับประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในการทำพิธีกรรมของพระภิกษุและคุณก็ยังสามารถเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมนี้ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การพักค้างคืนที่ชุคุโบ การลิ้มรสอาหารแบบดั้งเดิมที่พัฒนาโดยเหล่าภิกษุหรือการทำวัตรเช้าโออาซาจิ ล้วนเป็นประสบการณ์เฉพาะที่วัดเซนโคจิมอบให้นักท่องเที่ยวในปัจจุบัน หลังจากที่คุณได้ตามรอยเส้นทางอ้อมทางจิตวิญญาณอย่างเซนโคจิ คาอิโดเช่นเดียวกับนักเดินทางในอดีตแล้ว ก็ถึงเวลากลับมายังเส้นทางหลักนากะเซ็นโด และเดินทางต่อไปตามเส้นทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น

อยากดูมากกว่านี้ไหม? ลองเข้าชมทัวร์เสมือนจริงของวัดเซนโคจิ

よく読まれている人気記事

MENU