กลางเดือนเมษายนเป็นฤดูที่ซากุระจะเบ่งบานในจังหวัด Nagano เนินเขา สวนสาธารณะ และถนนในเมืองจะถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้สีชมพูและสีแดงที่สวยงาม ชาวบ้านจะใช้เวลาช่วงเย็นและวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อชมดอกไม้และเพลิดเพลินกับอาหารและสาเก ไม่ว่าคุณจะด้วยกับสุภาษิตภาษาญี่ปุ่นที่ว่า “Hana yori Dango (ขนมดังโกะดีกว่าดอกไม้)” หรือต้องการเพียงแค่ได้จ้องมองดูดอกซากุระทั้งวัน ไม่ว่าจะแบบไหนก็ขอเชิญมาสัมผัสช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ Ueda ทีจะทำให้คุณได้เต็มอิ่มทั้งทางสายตาและท้องได้

เทศกาลดอกซากุระที่ปราสาท Ueda

ดอกซากุระของเมือง Ueda จะบานเร็วกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัด Nagano เล็กน้อยและปราสาท Ueda มีชื่อเสียงในเรื่องเทศกาลดอกซากุระ Senbon-zakura ซึ่งบริเวณปราสาทจะถูกปกคลุมไปด้วยต้นซากุระที่ออกดอกหลากหลายชนิดตั้งแต่ต้นดอกซากุระ Shidare-zakura ไปจนถึงดอกซากุระพันธุ์ Somei Yoshino ยอดนิยมที่ออกดอกเป็นช่อสีขาว ทำให้หอคอยปราสาทและธงตระกูล Sanada ตั้งตระหง่านอยู่เหนือเมฆสีขาวและสีชมพู ส่วนในเวลากลางคืนบริเวณนี้จะสว่างไสวและมีแผงขายอาหารแบบรถเข็น Yatai ตั้งอยู่ริมคูน้ำด้านนอกของปราสาทอีกด้วย

อาหารท้องถิ่นแสนอร่อยใน Yanagi-machi

เดินเพียง 10 นาทีจากปราสาท Ueda คือถนน Yanagi-machi ซึ่งเป็นเมืองที่หลงเหลืออยู่ในปราสาทของ Ueda และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางโบราณ Hokkoku-kaido ที่เชื่อมต่อ Nakasendo กับ Hokurikudo อาคารเก่าแก่ของ Yanagi-machi ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านค้ามากมายที่มีอาหารและผลผลิตในท้องถิ่น  ซึ่งคุณสามารถลิ้มลองสาเกที่ได้รับรางวัลที่โรงหมัก Okazaki Brewery[1], ลิ้มรสไวน์ท้องถิ่นจากคาเฟ่และบาร์เล็ก ๆ ของ Hasumi Farm & Winery[2], อิ่มอร่อยกับขนมปังฝีมือดีที่ Levain[3], หรือซื้อมิโซะ Shinshu ที่ Takeda Miso ก็ได้ด้วยเช่นกัน และด้วยความหลากหลายของอาหารที่นี่เพียงอย่างเดียว ทำให้สามารถซื้อเพื่อกลับไปปิกนิกที่สวนสาธารณะหรือรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมถนนได้เลย

ย่าน Ueda ยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟเก๋ ๆ จำนวนมากที่สามารถพักผ่อนเพื่อพูดคุยและดูผู้คนได้หลังจากชมดอกซากุระในช่วงเช้าหรือบ่ายเสร็จ

และหลังจากเดินเล่นท่ามกลางแสงแดดมาทั้งวันไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการผ่อนคลายในบ่อออนเซ็นอันแสนผ่อนคลาย

สถานที่ที่เป็นหนึ่งในสมบัติของเมือง Ueda ซึ่งก็คือ Bessho Onsen

Bessho Onsen ตั้งอยู่ห่างจากสถานี Ueda ประมาณ 30 นาทีโดยรถไฟ Ueda Dentetsu Line เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เงียบสงบซึ่งเต็มไปด้วยออนเซ็นและอาคารเก่าแก่ เป็นที่รู้จักกันในนาม “Kamakura แห่ง Shinshu” เนื่องจากมีวัดที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีและบรรยากาศที่เงียบสงบ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ได้แก่ เจดีย์แปดด้านของวัด Anraku-ji ด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่ตอนที่มาถึง Bessho Onsen จะเพลิดเพลินไปกับการต้อนรับที่แปลกตาด้วยผู้ดูแลสถานีที่ทักทายคุณด้วยชุดกิโมโนแบบกึ่งเต็มยศที่มีสีสันสดใส ส่วนตัวสถานีจะเป็นเพียงห้องเดียวและทาสีเหลืองและฟ้าพาสเทล มีอาคารไม่กี่แห่งรอบ ๆ สถานีและมีต้นซากุระหลายต้นกระจายอยู่ตามแนวนอน ซึ่งมีป้ายต้อนรับหลายป้ายตั้งตระหง่านบนถนนที่นำไปสู่หมู่บ้านออนเซ็น

มีท่อน้ำริมถนนที่ไหลจากหิมะที่ละลายแล้วหรือจะเป็นออนเซ็นและอ่างแช่เท้า 2-3 แห่งก็อยู่ริมถนนสายหลักเช่นกัน ยังมีมังกรหินเล็ก ๆ สามารถพบได้ทั่วเมืองและออนเซ็นที่ไหลออกมาที่สามารถดื่มได้ เป็นพื้นที่แห่งออนเซ็นบำบัดที่แท้จริง ที่นี่มีคำแนะนำในการดื่มน้ำออนเซ็นอย่างเหมาะสมอยู่ข้าง ๆ  (แน่นอนว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น) นอกจากนี้ยังมีโรงอาบน้ำสาธารณะแบบไม่ต้องเข้าพัก Sotoyu 3 แห่งที่คุณสามารถผ่อนคลายความกังวลและเพลิดเพลินไปกับประโยชน์ด้านความงามของน้ำที่มีแร่อัลคาไลน์อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าโรงแรมบริเวณนี้ยังมีบ่อออนเซ็นธรรมชาติในตัวโรงแรมจึงสามารถเพลิดเพลินได้หากค้างคืนที่นี่

ประมาณ 10 นาทีจากสถานีจะเห็นวัด Kitamuki Kannon ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงของ Bessho Onsen ซึ่ง Kitamuki หมายถึง "หันหน้าไปทางทิศเหนือ" และตั้งหันหน้าไปทางวัด Zenkoji ที่หันหน้าไปทางทิศใต้ จึ่งมักกล่าวกันว่าถ้าคุณไม่ได้ไปเยี่ยมชมวัด Kitamuki Kannon และวัด Zenkoji ด้วยกันจิตวิญญาณของคุณจะเสียสมดุล ส่วนตัวพื้นวัดถูกยกขึ้นเหนือภูมิทัศน์โดยรอบเพื่อให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของที่ราบ Shioda ด้านล่าง

มุ่งหน้าลงบันไดและตรงผ่าน Bessho คุณจะไปถึงวัด Anrakuji ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์แปดเหลี่ยมซึ่งเป็นสมบัติประจำชาติของญี่ปุ่น ที่หลังจากขึ้นเขาสูงชันผ่านพื้นที่ป่าคุณก็มาถึงที่โล่งที่ซึ่งมีเจดีย์สูงเกือบ 19 เมตรตั้งอยู่ นักประวัติศาสตร์ไม่ทราบว่าถูกสร้างขึ้นเมื่อใดอย่างแน่ชัด แต่คาดว่าสร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1277 ถึง 1333 ในช่วงปลายสมัย Kamakura เนื่องจากวัสดุและการใช้เทคนิคการก่อสร้างแบบล่าสุดที่มีอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ในเวลานั้นซึ่งเป็นหนึ่งในตัวอย่างเดียวที่เหลืออยู่ของเจดีย์แปดเหลี่ยมในญี่ปุ่น และเป็นเจดีย์ในวิหารนิกายเซ็นที่มีการใช้ตัวยึดโลหะในการก่อสร้างข้อต่อที่ยึดเข้าด้วยกันมีความซับซ้อนอย่างแท้จริง

Ueda และ Bessho Onsen เป็นสถานที่พักผ่อนที่ยอดเยี่ยมในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีทิวทัศน์ของชนบท, ดอกซากุระและอาคารแบบดั้งเดิมที่สวยงาม มาจับคู่กับอาหารท้องถิ่นแสนอร่อยและออนเซ็นได้จะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ!

ข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับผู้ที่ต้องการเจาะลึกประวัติศาสตร์ของปราสาท Ueda และตระกูล Sanada ก็สามารถเยี่ยมชมบ้านพักตระกูล Sanada, พิพิธภัณฑ์ Sanada หรือแม้แต่ให้ไกด์อาสาสมัครให้พาไปชมพื้นที่ก็ได้เช่นกัน และแน่นอนว่าหากคุณมีคำถามต้องการสอบถามเพิ่มเติมโปรดแจ้งให้ทราบในช่องความคิดเห็นด้านล่าง!

(กลับไปที่บทความ)

โรงเหล้า Okazaki Brewery

Okazaki Brewery เปิดดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1665 ซึ่งพวกเขาผลิตสาเกโดยใช้น้ำในท้องถิ่นจากที่ราบสูง Sugadaira และข้าว Miyamanishiki ในท้องถิ่นซึ่งเป็นข้าวที่ใช้หมักสาเกซึ่งเป็นตัวแทนของจังหวัด Nagano ที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องเหล้าสาเกยี่ห้อ Kirei (亀齢) ที่ในปี 2015 ได้รับรางวัลสาเกคุณภาพสูงที่ดีที่สุดของจังหวัดนั้นเอง สามารถเพลิดเพลินกับการชิมสาเกฟรีและซื้อกลับบ้าน (หรือดื่มระหว่างทาง!) ได้ที่ร้านของพวกเขาใน Yanagimachi ซึ่งภายในร้านค้ายังมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นอื่น ๆ อีกมากมายให้ได้ชมและซื้อกลับบ้านกัน

โรงเหล้า Okazaki Brewery เป็นหนึ่งในโรงหมักเหล้าสาเกเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่มีหัวหน้าผู้ผลิตเป็นผู้หญิง

(กลับไปที่บทความ)

Hasumi Farm and Winery Café

ฟาร์มและโรงกลั่นเหล้าองุ่น Hasumi เป็นฟาร์มที่ค่อนข้างใหม่ที่ได้เริ่มต้นในปี 2005 โดยคนรักไวน์ที่ประทับใจกับสภาพอากาศสไตล์ตะวันออกของ Nagano และเป็นที่ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตไวน์องุ่น ซึ่งตัวฟาร์มตั้งอยู่ใกล้เคียงเมือง Tomi แต่สามารถเพลิดเพลินกับไวน์และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ที่คาเฟ่บนถนน Yanagimachi และที่นี่ยังมีแยมและน้ำผลไม้ขายซึ่งสามารถรับประทานอาหารกลางวันที่นั่นได้ด้วยเช่นกัน 

(กลับไปที่บทความ)

ร้าน Levain Bakery

ร้านเบเกอรี่แห่งนี้เริ่มขึ้นในย่าน Yoyogi ของ Tokyo และได้มาเปิดร้านที่ 2 ในอาคารแห่งหนึ่ในเมือง Ueda สมัย Edo การตกแต่งภายในร้านแบบเรียบง่ายเข้ากันได้ดีกับขนมปังที่ทำโดยช่างออกแบบศิลปะขนมปังที่หมักยีสต์แบบธรรมชาติ ที่นี่ขาย Pain de Campagne ขนมปังฝรั่งเศสและขนมปังตามฤดูกาลที่เต็มไปด้วยผักและผลไม้ ซึ่งหลายคนจะแค่ซื้อขนมปังแล้วกลับบ้าน แต่จริง ๆ แล้วที่นี่ยังสามารถพักและเพลิดเพลินกับขนมปังและกาแฟหรือชาหรือทานแซนด์วิชในช่วงมื้อกลางวันได้อีกด้วย