สิ่งที่นักท่องเที่ยวมักตั้งตารอในการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็คือ การเข้าพักในโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมหรือที่เรียกว่า “เรียวกัง” เป็นการผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านการพักผ่อนในห้องเสื่อญี่ปุ่น Tatami ประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่น มุมยกพื้นที่เรียกว่า Tokonoma สำหรับวางของประดับห้อง เข้าพักในชุด Yukata สบาย ๆ แช่ออนเซ็น และลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศในสไตล์หรูหราอลังการ ก่อนเข้านอนบนฟูกญี่ปุ่น “Futon” นุ่ม ๆ ที่ปูบนพื้นเสื่อ Tatami
แต่คุณจะเลือกพักเรียวกังอย่างไร? หรือยิ่งไปกว่านั้น คุณจะเลือกแบบใด? ที่พักเหล่านี้มีหลายรูปแบบหลากสไตล์เท่าที่คุณจะจินตนาการได้ มีทั้งแบบห้องพักทั่วไปสไตล์ห้องพักนักเดินทางสมัย Edo ที่มีบานเลื่อนกระดาษบาง ๆ ไปจนถึงสไตล์สมัยใหม่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสุดไฮเทค มีทั้งเรียวกังที่เป็นแบบกิจการในครอบครัวมีห้องพักไม่กี่ห้อง ไปจนถึงรีสอร์ทที่มีสาขามากมาย บางที่เสิร์ฟมื้อเย็นเป็นชุดอาหารญี่ปุ่นสุดหรู “Kaiseki” และส่วนใหญ่มีออนเซ็นในที่พัก มีเพียงจังหวัด Nagano เท่านั้นที่มีเรียวกังอยู่ทั่วทุกที่รวมแล้วมากกว่า 1,000 แห่ง ตั้งแต่ออนเซ็นรีสอร์ทในตัวเมืองอันคึกคักไปจนถึงเรียวกังเงียบสงบที่ปลีกตัวอยู่บนภูเขาห่างไกลความวุ่นวาย
นี่คือ 12 เรียวกังที่โดดเด่นที่สุดของจังหวัด Nagano ให้คุณได้ลองพิจารณาเป็นตัวเลือกที่พักในทริปหน้าของคุณ
เรียวกัง Sakaya (Nozawa Onsen)
ห้องอาบน้ำอันโอ่อ่า หมู่บ้านออนเซ็นสุดน่ารัก
เรียวกัง Sakaya อยู่กลางหมู่บ้านออนเซ็น Nozawa เป็นเรียวกังขนาดกลาง บริหารกันเองในครอบครัว สไตล์ค่อนไปทางสมัยใหม่ สามารถรับแขกได้ 130 คน สิ่งที่โดดเด่นเหนือเรียวกังอื่นอีกกว่า 20 แห่งในหมู่บ้านเดียวกันก็คือ อ่างแช่ออนเซ็นในร่ม “Taka no Yu” (Hawk’s Bath) แบ่งเป็น 3 ส่วนย่อยให้แขกได้สัมผัสอุณหภูมิน้ำที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่ทิ้งร่องรอยแห่งความประทับใจไว้ให้ผู้ใช้บริการกลับเป็นโครงสร้างไม้ที่แข็งแรงมั่นคงและสวยงามของห้องอาบน้ำนั่นเอง
หมู่บ้าน Nozawa Onsen
หมู่บ้าน Nozawa Onsen อยู่บริเวณด้านล่างสกีรีสอร์ทที่มีชื่อเดียวกันและเหมาะกับพื้นที่แถบนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากในฤดูหนาวบริเวณนี้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะนั่นเอง ชาวนาในพื้นที่จะปรับบ้านของพวกเขาให้เป็นที่พักและที่ทานมื้อเช้าในช่วงฤดูหนาวเพื่อรองรับการหลั่งไหลเข้ามาของนักเล่นสกี อีกทั้ง Nozawa Onsen มีแหล่งออนเซ็นมากกว่า 30 แห่ง รวมทั้ง “Ogama” บ่อออนเซ็นอันเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้านออนเซ็นแห่งนี้ที่ชาวบ้านใช้เป็นครัวส่วนกลาง
ในหมู่บ้านมีสถานบริการออนเซ็นสาธารณะ 13 แห่งที่น้ำออนเซ็นเปี่ยมด้วยแร่ธาตุกำมะถันและอุณหภูมิร้อนจัดให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลิน ออนเซ็นที่เรียกได้ว่าเป็นพี่ใหญ่ของทั้ง 13 แห่งได้แก่ “โอยุ” (O-Yu) อยู่ติดกับเรียวกัง Sakaya ที่ได้กล่าวถึงด้านบน ที่นี่ใช้น้ำจากแหล่งออนเซ็นเดียวกัน
เรียวกัง Yorozuya (Shibu-Yudanaka Onsen)
บ่อออนเซ็นแบบคลาสสิค บ่อออนเซ็นประดับสวนสุดอลังการ ห้องพักสไตล์ Rustic
ท่ามกลางเรียวกัง 30 แห่งในฝั่ง Yudanaka ของเมืองออนเซ็นรีสอร์ททั้งสองแห่งนี้ Yorozuya เป็นที่พักที่โดดเด่นด้วยบ่อออนเซ็น Momoyama มีสถาปัตยกรรมเชิงประวัติศาสตร์ บ่อออนเซ็นกลางแจ้งขนาดยักษ์ท่ามกลางสวนญี่ปุ่นตามแบบแผนสุดหรูหราอลังการ และปีกตึกฝั่งห้องพัก Shaoraiso สร้างโดย “Miya-Daiku” ศิลปินผู้วาดภาพฝาผนังวัดในสไตล์ Edo อีกทั้ง บ่อออนเซ็น Momoyama อยู่ระหว่างการยื่นขอลงทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งชาติ และเป็นที่รู้กันว่าเป็นหนึ่งในบ่อออนเซ็นระดับแนวหน้าของญี่ปุ่น
บ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่อยู่ติดกันมีขนาดใหญ่กว่าสวนและบ่อน้ำเกือบทั้งหมดรวมกัน อีกทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งด้วยโคมหินมากมาย
นอกจากบ่อออนเซ็นแล้ว อีกหนึ่งความภูมิใจของ Yorozuya คือ Shoraiso ที่อยู่ระหว่างดำเนินการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้เช่นเดียวกัน อาคารไม้ 3 ชั้นหลังนี้ มี 2 ชั้นที่แบ่งเป็นส่วนของห้องพักและชั้นบนสุดใช้เป็นชั้นสำหรับห้องจัดเลี้ยง
สถาปัตยกรรมเปี่ยมประวัติศาสตร์และงานฝีมือสุดปราณีตเป็นสิ่งที่คุณจะต้องประทับใจ รวมถึงความล้ำค่าของการเป็นมรดกทางวัฒนธรรม
เรียวกัง Kanaguya (Shibu-Yudanaka Onsen)
เรียวกังที่เหมือนหลุดออกมาจากอนิเมะ
ใจกลางฝั่ง Shibu ของเหมืองออนเซ็นรีสอร์ททั้งสองแห่งนี้นี้มีเรียวกังสุดหรู Kanaguya ซึ่งที่นี่ก็อยู่ระหว่างดำเนินการขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งชาติด้วยเช่นกัน เรียวกัง Kanaguya เป็นอาคารไม้ 4 ชั้นสร้างในปี 1936 ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากภาพยนตร์อนิเมะ นายช่างที่สร้างเรียวกังแห่งนี้ลงรายละเอียดอย่างปราณีตและพิถีถัน คุณสามารถสัมผัสถึงความล้ำค่าเหล่านั้นได้จากการเดินทัวร์ที่เรียวกัง Kanaguya มีบริการให้แขกที่เข้าพักทุกคน ทัวร์นี้จะพาแขกไปชมแหล่งออนเซ็นที่คัดมาแล้วอย่างพิถีพิถันทั้ง 4 แบบของเรียวกัง ในช่วงกลางคืน จะมีการเปิดไฟประดับที่ด้านหน้าอาคารเพื่อยกระดับความงามของสถาปัตยกรรมของเรียวกังแห่งนี้ให้น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Shibu Onsen
Shibu Onsen และ Yudanaka Onsen ที่อยู่ใกล้กันต่างขึ้นชื่อว่าเป็นประตูสู่ทางเข้าสวนลิง Jigokudani Yaen-Koen ที่มีลิงแช่ออนเซ็นอันโด่งดัง ออนเซ็นทั้งสองที่ล้วนขึ้นชื่อในเรื่องของการมีออนเซ็นธรรมชาติอยู่มากมาย Shibu Onsen มีบรรยากาศตัวเมืองที่สวยงาม ถนนเส้นเล็ก ๆ ที่ปูด้วยหินทอดตัวยาวผ่านเรียวกังไม้ทรงคุณค่าทางประวัติ ซึ่งเรียวกังที่โดดเด่นที่สุดของที่นี่หนีไม่พ้น Kanaguya
เรียวกัง Aburaya (Shibu-Yudanaka Onsen)
อบอุ่นในสไตล์สมัยใหม่
หากอ่านมาถึงตรงนี้ เกรงว่าคุณอาจจะรู้สึกว่าเรียวกังทั้งหมดใน Nagano เป็นสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ไปเสียหมด เราจึงขอหยิบเอาเรียวกัง Aburaya มาให้คุณได้รู้จักกัน เรียวกังแห่งนี้รู้จักกันในชื่อ Aburaya-Tousen ในขณะที่พยายามคงแก่นแท้แห่งความเป็นเรียวกังเอาไว้ด้วยสไตล์ห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิญี่ปุ่น, ชุดอาหารเย็นแบบ “ไคเซกิ” สุดหรูหราและแน่นอน...ออนเซ็นสุดอลังการก็มีความทันสมัยอย่างถึงที่สุด ให้ความสะดวกสบายอย่างครบครัน มีแม้กระทั่งบาร์บนดาดฟ้าที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม เพิ่มความมีระดับด้วยการเน้นองค์ประกอบความร่วมสมัยของเรียวกัง Aburaya
เรียวกัง Fujiiso (Yamada Onsen)
เรียวกังท่ามกลางหุบเขาอันงดงามราวภาพวาด
ลึกเข้าไปในภูเขาทางทิศตะวันออกของเมือง Nagano คือเมือง Shinshu Takayama มีหุบเขา Matsukawa อันโด่งดังและ Yamada Onsen ที่มีเรียวกังจำนวนมากอยู่ ในบรรดาเรียวกังทั้งหมด มีเรียวกังแห่งหนึ่งชื่อว่าเรียวกัง Fujiso ที่ได้รับผลประโยชน์แบบเต็ม ๆ จากพื้นที่ป่าอันสวยงาม ทางเข้าล็อบบี้มีหน้าต่างสำหรับชมวิวหุบเขาด้านนอกและมีแนวเก้าอี้นุ่ม ๆ ตั้งหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เชิญชวนให้แขกได้ใช้เวลาผ่อนคลายและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชวนฝัน ออนเซ็นของ Fujiso มีภาพวิวแบบเดียวกัน ปราศจากอาคารใด ๆ ไร้สายไฟระโยงระยาง หรือองค์ประกอบของความเจริญด้านวัตถุแบบตัวเมือง ให้รบกวนบรรยากาศธรรมชาติ ยิ่งร่วมกับสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ยิ่งมองยิ่งเพิ่มความงดงามให้กับภาพวิว
อีกหนึ่งเรียวกังของ Yamada Onsen ที่ควรค่าแก่การไปได้แก่ Fukeikan ออนเซ็นกลางแจ้งในอ้อมกอดของหน้าผา
โรงแรม Sasaya (Togura-Kamiyamada Onsen)
ห้องพักสุดคลาสสิคเหมาะสำหรับจักรพรรดิ
ปีกตึกที่มีห้องพัก 8 ห้องของโรงแรม Sasaya มีชื่อเรียกว่า “Hohnen-Mushi” ออกแบบโดย Arata Endo บุตรบุญธรรมของคุณ Frank Lloyd Wright สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกา สร้างขึ้นในปีค.ศ.1932 และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งชาติ ห้องพักสร้างตามแบบที่เรียกว่า “Sukiya” เป็นโครงสร้างที่แต่ละห้องจะแยกห่างจากกันและล้อมรอบด้วยสวนสวย ๆ มีบุคคลสำคัญทางการเมืองและวรรณกรรมเคยมาพักที่นี่ การออกแบบของ Endo มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อสถาปัตยกรรมทั้งหมดของเรียวกัง พื้นที่นั่งเล่นต่างระดับในห้องพักเกิดขึ้นพร้อมอาคาร Hohnen-Mushi และยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน
เมืองออนเซ็น Togura-Kamiyamada
โรงแรม Sasaya คือดาวเด่นท่ามกลางที่พักอื่น ๆ อีก 30 แห่งในเมือง Togura-Kamiyamada เมืองออนเซ็นแห่งนี้มีมรดกตกทอดที่เกี่ยวข้องกับเกอิชา เป็นที่เชิดหน้าชูตาของเมือง โรงแรมและที่พักสามารถจัดการแสดงจากเหล่าผู้ชำนาญด้านศิลปะญี่ปุ่นโบราณ (เกอิชา) เป็นเวลา 30 นาทีให้คุณได้ แขกสามารถสวมชุด Yukata ใส่รองเท้าไม้เดินชมตามร้านค้าต่าง ๆ เดินชิมอาหารท้องถิ่นตามใจ พักแช่เท้าที่ 3 ออนเซ็นเท้าภายในเมือง ปิดท้ายด้วยการแช่ออนเซ็นสักที่จาก 1 ใน 7 ออนเซ็นสาธารณะ ตกดึกหากิจกรรมอื่น ๆ เช่นเกมยิงเป้าหรือร้องคาราโอเกะตามบาร์
ตัวเมืองอยู่ติดแม่น้ำ Chikuma มีทางจักรยานเลียบแม่น้ำที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
เรียวกัง Hanaya (Bessho Onsen)
ทางเดินเชื่อมอาคารอันโดดเด่นสง่างามท่ามกลางสวนสวย
อีกหนึ่งที่พักที่กำลังขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้แห่งชาติ เรียวกัง Hanaya ใน Bessho Onsen ที่เปี่ยมไปด้วยประวัติศาสตร์ โด่งดังด้วยทางเดินเชื่อมอาคารในบรรยากาศเปิดโล่ง อาคารไม้และสวนที่คงเสน่ห์แห่งยุคสมัย Taisho เมื่อร้อยปีก่อนตอนที่สร้างเรียวกังเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าทางเดินแบบเปิดโล่งย่อมจะทำให้รู้สึกหนาวในฤดูหนาวเพื่อให้สัมผัสธรรมชาติในแบบของมัน แต่ว่าตัวอาคารสไตล์สมัยใหม่ที่สร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็กสามารถกลมกลืนไปกับบรรยากาศอันปราณีตของ Hanaya ได้อย่างดี
Bessho Onsen ทรงประวัติศาสตร์
Bessho Onsen คือเมืองออนเซ็นรีสอร์ทที่สามารถเดินเล่นได้ทั่วเมือง อยู่สุดปลายรถไฟสาย Bessho Line จากเมือง Ueda ขึ้นชื่อในเรื่องของวัด มีวัด Anaruku-ji ที่มีเจดีย์ 8 เหลี่ยม 3 ชั้น (มรดกแห่งชาติ) และ Kitamuki-Kannon ที่หันหน้าสู่ทิศเหนือรับกับวัด Zenkoji ที่เมือง Nagano เป็น 2 วัดที่นักเดินทางมักมาเยือนในคราวเดียวกันในฐานะที่เป็นเส้นทางแสวงบุญสู่วัด Zenkoji
เรียวกัง Awa-no-Yu (Shirahone Onsen)
หุบเขาห่างไกล ออนเซ็นน้ำนม
Shirahone Onsen ซ่อนตัวลึกอยู่บนตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ระหว่างภูเขาขนาดมหึมา Norikura และ หุบเขา Kamikochi ทรงเสน่ห์ โด่งดังในเรื่องของออนเซ็นน้ำนม “Shirahone” แปลว่า “กระดูกขาว” และน้ำแร่ร้อนตามธรรมชาติที่มีค่ากำมะถันสูงซึ่งทำปฏิกริยาออกไซด์เมื่อสัมผัสอากาศ ทำให้น้ำกลายเป็นสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนมใส ๆ กล่าวกันว่า หากคุณแช่ออนเซ็นที่ Shirahone เป็นเวลา 3 วัน คุณจะไม่เป็นหวัดไป 3 ปี
ที่พักใน Shirahone Onsen มีเรียวกัง Awa-no-Yu โดดเด่นด้วยบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่คนนิยมมาถ่ายรูปมากที่สุดในบรรดาเรียวกังอื่น ๆ ทั่วทั้ง Nagano เป็นออนเซ็นบ่อรวมราคาแพงที่สามารถบรรยายถึงลักษณะอันโดดเด่นของน้ำออนเซ็นใน Shirahone ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับสวนสวยสีเขียวที่ช่วยเพิ่มสีสันอันสดใสให้กับฉากหลัง
เรียวกัง Myojinkan (Tobira Onsen)
เรียวกังสันโดษและความงามสุดปราณีต
หากคุณชอบเรียวกังเงียบสงบห่างไกลผู้คนมากกว่าเมืองออนเซ็นรีสอร์ทที่คึกคัก เราขอแนะนำเรียวกังที่เหมาะสำหรับคนรักสันโดษใน Nagano ที่ชื่อว่า Myojinkan เรียวกังแสนปราณีต ห่างไกลความวุ่นวาย แม้กระทั่งการเดินทางไปยังเรียวกังแห่งนี้ก็สามารถนับได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ หลังออกจากใจกลางตัวเมือง Matsumoto มุ่งลึกสู่ชายเขาที่ราบสูง Utusukushigahara ที่จะพาคุณหลีกหนีความวุ่นวายของตัวเมืองได้
ด้วยชุดอาหารเย็นแบบ Kaiseki ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน บ่อออนเซ็นในอ้อมกอดของบรรยากาศเขียวขจี ไปจนถึงการบริการอย่างงดงาม ส่งให้ชื่อเสียงของเรียวกัง Myojinkan เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
แม้ว่าจะไม่มีช่องทางติดต่อทางโทรศัพท์ และแน่นอนว่าไม่มีร้านราเม็งหรือคาราโอเกะในละแวกใกล้เคียง แต่หากคุณมองหาการพักผ่อนอย่างสงบ ได้สัมผัสและใกล้ชิดกับธรรมชาติ เร้นกายออกจากความวุ่นวายใด ๆ เรียวกังอย่าง Myojinkan นั้นคุ้มค่าต่อการตามหาอย่างแน่นอน
เรียวกัง Fujioto (Tsumago)
เมืองเก่าเรียบง่ายไร้การเสริมแต่งใด ในบรรยากาศที่เข้ากับยุคซามูไร
ไม่ใช่ว่าทุกเรียวกังจะต้องมีบ่อออนเซ็น และไม่ใช่ว่าทุกเรียวกังจะสร้างอย่างโอ่อ่าหรูหรา บางแห่งเป็นเพียงที่พักเรียบง่ายที่มีเพียง Fusuma ประตูบานเลื่อนกระดาษสไตล์ญี่ปุ่นที่ใช้กั้นห้องพักเท่านั้น เรียวกัง Fujioto ในเมืองเก่า Tsumago บนเส้นทาง Nakasendo คือหนึ่งในเรียวกังประเภทเรียบง่ายเช่นที่กล่าวมา
ส่วนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีของเส้นทางสายเก่า Nakasendo ที่เหล่าซามูไรเคยใช้สัญจรในอดีตระหว่าง Kyoto และ Edo (Tokyo ในปัจจุบัน) คือส่วนที่อยู่ระหว่าง Magome และ Tsumago ทางเข้าหุบเขา Kiso อันเลื่องชื่อนั่นเอง แขกส่วนใหญ่มักจะมาชมอาคารไม้ที่ได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดียิ่งของ Tsumago ในตอนกลางวัน แต่บรรยากาศของตัวเมืองในช่วงพลบค่ำที่โคมหน้าอาคารบ้านเรือนต่างเปล่งแสงสีส้มจางขึ้น กลับเป็นภาพที่ชวนให้ตกตะลึงราวกับถูกมนต์สะกดยิ่งกว่า
วิธีที่ดีที่สุดในการดื่มด่ำบรรยากาศช่วงกลางคืน แน่นอนว่าต้องเป็นการค้างคืน และสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสความเรียบง่ายในสไตล์ดั้งเดิมที่สุดก็คือ Fujioto เรียวกังขนาดเล็ก เป็นกิจการในครอบครัว สามารถคงบรรยากาศสมัย Edo ไว้ได้อย่างดี ห้องพักเสื่อ Tatami แบบเรียบง่ายที่สุดสำหรับแขกผู้เข้าพัก ห้องอาบน้ำและสุขารวม สวนญี่ปุ่นตามแบบฉบับที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศผ่อนคลายให้กับเรียวกัง และการบริการอย่างจริงใจจากเจ้าของ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้ Fujioto กลายเป็นเรียวกังชั้นแนวหน้าระดับประเทศจากการให้คะแนนโดยแขกผู้เคยใช้บริการทั่วโลกบนเว็บไซต์รีวิวโรงแรม ความดั้งเดิมขนานแท้ ความเรียบง่าย ความเป็นกันเอง ความอบอุ่นสะดวกสบายในสไตล์บ้าน ๆ กลายเป็นจุดเด่นของ Fujioto แห่ง Tsumago
เรียวกัง Sekitaitei ISHIDA (Hirugami Onsen)
เต็มอิ่มกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมสุดหรูหราอลังการ
เมืองออนเซ็นรีสอร์ทน้องใหม่ของจังหวัด Nagano ได้แก่ Hirugami Onsen ที่อยู่ทางตอนใต้ปลายหุบเขา Ina ขึ้นชื่อในเรื่องของดอกท้อและท้องฟ้ายามกลางคืนที่กระจ่างใส
ที่นี่มี Sekitaitei ISHIDA ออนเซ็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ ที่มุ่งหวังที่จะมอบประสบการณ์ขั้นสุดของ “ความเป็นญี่ปุ่น” ให้แก่แขกผู้เข้าพัก จากการสร้างอาคารด้วยโครงสร้าง “Sukiya” ไปจนถึงห้องชาที่สามารถใช้ประกอบพิธีชงชาได้ เน้นให้บรรยากาศแบบญี่ปุ่นในสไตล์โบราณ มีเวทีแสดงละคร Noh ที่จะจัดการแสดงในช่วงกลางคืนโดยนักแสดงโนในท้องที่ บางชุดการแสดงจะเป็นแบบ musical เช่น กลอง Taiko หรือเครื่องสาย Shamisen บางการแสดงเป็นละคร และบางการแสดงจะเป็นการแสดงตลกแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Rakugo
ดั่งที่คุณเห็นจากตัวอย่างเหล่านี้ มีการแบ่งประเภทเรียวกังอย่างกว้างขวางในจังหวัด Nagano มีหลากระดับความสะดวกสบาย หลายความหรูหราปราณีต และบางแห่งที่สามารถออกไปสัมผัสสิ่งรอบตัวได้ด้วยการใส่รองเท้าแตะไม้ ในขณะที่บางแห่งเหมาะกับการสวมใส่รองเท้าบูทสำหรับเดินเขามากกว่า อย่างไรก็ตาม เรียวกังทั้ง 12 แห่งในบทความนี้มีห้องสไตล์ญี่ปุ่นและพร้อมบริการแขกทุกท่านด้วยใจตามแบบฉบับญี่ปุ่นที่เรียกว่าการบริการแบบ “Omotenashi” เช่นเดียวกับทุกเรียวกังในจังหวัด Nagano!