จากเส้นทางสายอุซุอิ มุ่งหน้าสู่นากะเซ็นโด คารุอิซาวะจุกุ

คารุอิซาวะเป็นสถานที่ที่ขาดไม่ได้ในการทำความรู้จักจังหวัดนากาโน่

19913_ext_01_th_0_L-1

คารุอิซาวะ เมืองที่เป็นที่พักของนากะเซ็นโด

คารุอิซาวะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีบ้านพักตากอากาศที่หรูหราตั้งเรียงรายอยู่ ถือเป็นย่านรีสอร์ทชั้นนำของญี่ปุ่น เพราะตั้งอยู่บนที่ราบสูงที่มีระดับความสูง 900 ถึง 1,000 เมตร จึงได้รับความนิยมเป็นพิเศษในฐานะรีสอร์ทฤดูร้อน

ประวัติความเป็นมาของคารุอิซาวะในฐานะรีสอร์ทแห่งที่ราบสูงได้เริ่มต้นขึ้นในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 เมื่อมิชชันนารีชาวแคนาดาได้ทำการบุกเบิกที่แห่งนี้เป็นบ้านพักตากอากาศ หลังจากนั้นก็เกิดการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว และในปัจจุบันที่แห่งนี้ก็ยังคงรักษาเสน่ห์สืบเนื่องมา เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการจากภาพลักษณ์ของคารุอิซาวะในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวที่ทันสมัยในยุคปัจจุบัน ในสมัยเอโดะที่นี่เป็นเมืองที่เป็นจุดพักแห่งที่ 18 ของนากะเซ็นโดเมื่อนับจากเอโดะ (โตเกียว) คารุอิซาวะในขณะนั้น มักจะถูกเรียกว่าคารุอิซาวะจุกุซึ่งเป็นที่พักค้างแรม สำหรับคารุอิซาวะแล้วถือเป็นสถานที่ที่ขาดไม่ได้ในการทำความรู้จักจังหวัดนากาโน่ ผ่านมุมมองของนากะเซ็นโด

ร่องรอยแนวป้องกันอุซุอิ เซกิโช และซากะโมโตจุกุ

เพียงคุณเดินไปไม่กี่ร้อยเมตรตามเส้นทางนากะเซ็นโดเก่าจากสถานีโยโกะกะวะ คุณจะเห็นร่องรอยของ แนวป้องกันของนากะเซ็นโด ที่เรียกว่าแนวป้องกันอุซุอิ หรืออุซุอิ เซกิโช ที่ทุกวันนี้มีอนุสาวรีย์เล็กๆ ตั้งอยู่และมีเพียงประตูทิศตะวันออกได้รับการบูรณะเท่านั้น แต่ในสมัยเอโดะ "อิริเด็ปโป นิ เด อนนา, Iridepo-ni-deonna" (ปืนที่ถูกนำเข้ามาในเอโดะ และภรรยาและผู้หญิงของไดเมียวต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเอโดะจะถูกปราบปรามอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการจลาจลของไดเมียว ต่างๆ ต่อโชกุนของเอโดะ) ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการปราบปราม

ประตูทางด้านทิศตะวันออกของแนวป้องกันอุซุอิ เซกิโชที่ได้รับการบูรณะแล้ว

จากแนวป้องกันหากคุณเดินต่อไป คุณจะเห็นซากะโมโตจุกุแผ่ไปตลอดสองข้างทางของทางหลวง แม้ว่าซากะโมโตจุกุจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่การได้เยี่ยมชมอาคารริมถนนที่ยังคงบรรยากาศของอดีตนั้นก็น่าสนใจ

วากิฮอนจิน นากะอิ ของซากะโมโตจุกุมีไม้กางเขนซ่อนอยู่ที่ผนัง

เมื่อมองไปข้างหน้าจะพบกับภูเขาฮาเนอิชิ ที่ดูเหมือนก้อนหินทรงกลมขนาดมหึมาตั้งสูงตระหง่าน ในการจะเข้าถึงคารุอิซาวะจุกุจากนากะเซ็นโดต้องข้ามผ่านภูเขาฮาเนอิชิและผ่านเส้นทางอุซุอิ ความสูงของซากะโมโตจุกุอยู่ที่ประมาณ 450 เมตร และความสูงของศาลเจ้าคุมะโนะ ที่อยู่ด้านบนสุดของเส้นทางอุซุอิอยู่ที่ประมาณ 1,200 เมตร คุณต้องข้ามระดับความสูงที่ต่างกันถึงประมาณ 750 เมตร นักเดินทางในสมัยเอโดะที่พยายามจะข้ามผ่านเส้นทางจะรู้สึกอย่างไรกันนะเมื่อมองภูเขาลูกนี้

มองดูภูเขาฮาเนอิชิจากซากะโมโตจุกุ

ข้ามผ่านเส้นทางอุซุอิ

จากสถานีโยโกะกะวะเมื่อคุณผ่านซากะโมโตจุกุไปอีกประมาณ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง คุณจะพบกับทางเข้าเส้นทางอุซุอิและจากจุดนี้เป็นต้นไปคุณจะได้พบกับเส้นทางการเดินเขาอย่างเต็มรูปแบบ

ทางเข้าเส้นทางอุซุอิ
ใกล้กับทางเข้าของสันเขา ระยะแรกจะมีความสูงชันของเส้นทางของภูเขาที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเข้าสู่เส้นทางขึ้นเขา คุณจะยังคงต้องปีนขึ้นไปบนเส้นทางสูงชันอยู่ซักพัก ความลาดชันจะเบาบางลงในช่วงครึ่งหลัง ดังนั้นจึงต้องใช้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะสามารถผ่านพ้นช่วงแรกไปให้ได้

หากคุณปีนขึ้นไปบนเส้นทางเดินเขาประมาณ 45 นาทีจากจุดเริ่มต้น คุณจะมาถึงจุดที่มองเห็นวิวได้โดยไม่ทันตั้งตัว เป็นจุดชมวิวที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่าโนโซะคิ จากตรงนี้คุณสามารถมองเห็นนากะเซ็นโดที่คุณพึ่งเดินทางผ่าน และคุณสามารถเห็นถนนของซากะโมโตจุกุที่แผ่กระจายออกไปทั้งสองฝั่ง

ทิวทัศน์ที่งดงามจากจุดชมวิวโนโซะคิ ดูซิปีนขึ้นมาได้ค่อนข้างสูงแล้วนะ

หากคุณเดินผ่านจุดชมวิวโนโซะคิออกไปอีก 15 นาที ก็จะถึงยอดภูเขาฮาเนอิชิที่ระดับความสูง 909 เมตร ในอดีตนั้นมีโรงน้ำชา 4 แห่งเปิดในสถานที่นี้ เป็นที่สำหรับให้นักเดินทางได้พักเท้า ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้จะมีที่พักผ่อนที่มีหลังคาเล็กๆ ตั้งอยู่ ที่นี่จะมีสมุดสำหรับนักปีนเขาให้จดบันทึกความทรงจำ ในสมุดจดบันทึกนี้มีความตื่นเต้นของการเดินบนเส้นทางที่สวยงามแห่งนี้ในภาษาต่างๆ บันทึกอยู่

ที่พักชั่วคราวใกล้ๆ กับบริเวณยอดเขา
สมุดบันทึกความทรงจำของเหล่านักเดินทางที่ยังคงอยู่ มีความทรงจำที่เขียนในภาษาต่างๆ

จากจุดพักผ่อนนี้ใช้เวลาอีกประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจะถึงศาลเจ้าคุมาโนะที่ด้านบนสุดของช่องเขาอุซุอินี้ จะมีป้ายข้อมูลเล็กๆ ในยุคนั้น และมีร่องรอยของโรงน้ำชาที่เคยตั้งอยู่และสนามรบในยุคกลางของญี่ปุ่น (ช่วงระหว่างคศ.1192-1867) โดยทั่วไปนักเดินทางก็จะยังคงเดินต่อไปบนทางขึ้นเขา เส้นทางนี้เป็นทางตรงยาว แม้ว่าทางจะมีความลาดชัน แต่ก็ไม่มีสถานที่อันตราย โดยเฉพาะถนนที่มีต้นสนฮิโนกิเก่าแก่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในยุคสมัยเอโดะ ซึ่งถนนเลียบหน้าผาที่จะทำให้คุณรู้สึกเพลิดเพลินกับการผจญภัยเล็กน้อย และพบหิมะที่ตกลงมาตามฤดูกาลนั้นจะทำให้เบนความสนใจไปกับทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเมื่อคุณก้าวไปข้างหน้าจนทำให้คุณสามารถก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่ไม่รู้สึกเบื่อ

เดินต่อไประหว่างต้นฮิโนกิยักษ์
ในระหว่างที่เดินต่อไปจะได้พบทิวทัศน์ที่หลากหลาย
หิมะที่ตกลงมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาและยังคงเหลืออยู่

ถึงยอดเขาบนเส้นทางอุซุอิ: ศาลเจ้าคุมาโนะ ขนมจิคาระโมจิ หอดูดาว

จะใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 4 ชั่วโมงจากทางเข้าเส้นทางอุซุอิมายังศาลเจ้าคุมาโนะ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางและเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางอุซุอิ (ประมาณ 4 ถึง 5 ชั่วโมงจากสถานีโยโกะกะวะ) คุณจะรู้สึกสบายๆ แม้ว่าจะยังคงความเมื่อยล้า

ลำดับแรกเรามารักษาความเหนื่อยล้าของการข้ามภูเขาด้วยขนมจิคาระโมจิกันก่อน ขนมจิคาระโมจิเป็นขนมญี่ปุ่นแบบดั่งเดิม (วากาชิ) ที่เรียบง่าย ทำโดยการนำถั่วมาผสานกับโมจิ ว่ากันว่าในอดีตขนมนี้เคยให้บริการในร้านน้ำชาที่ยังคงมีร่องรอยที่ฉันเห็นอยู่ตามทางขึ้นมา ด้วยความหวานพอประมาณของขนมจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้

ที่บริเวณรอบๆ ศาลเจ้าคุมาโนะมีโรงน้ำชาหลายแห่งที่ให้บริการขนมจิคาระโมจิเรียงรายอยู่ ในวันนั้นฉันได้ไปเยี่ยมชมร้านชื่อ "ชิเกโนยะ" ร้านนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลเจ้าคุมาโนะ และเจ้าของคือคุณมิซึซาวะ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสของศาลเจ้าคุมาโนะด้วย โรงน้ำชาแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี ดังนั้นนักเดินทางในสมัยเอโดะอาจเคยลิ้มลองขนมจิคาระโมจิรสชาติแบบเดียวกันนี้

"ชิเกโนยะ" ที่ให้บริการขนมจิคาระโมจิ
เพลิดเพลินกับขนมจิคาระโมจิหลากหลายรสชาติ

มีเส้นสีแดงลากจากด้านในของร้านชิเกโนยะไปยังศาลเจ้าคุมาโนะที่อยู่ด้านตรงข้าม ว่ากันว่านั้นคือพรมแดนระหว่างจังหวัดกุมมะและนากาโน่ หากคุณเดินตามเส้นสีแดงนี้ คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาในการเดินบนพรมแดนระหว่างจังหวัดสองจังหวัดในญี่ปุ่นได้ ตำแหน่งที่อยู่ของศาลเจ้าคุมาโนะแบ่งออกเป็นจังหวัดนากาโน่ในทางฝั่งซ้ายและจังหวัดกุมมะในทางฝั่งขวา โดยแต่จะแยกกล่องสำหรับทำบุญออกเป็น 2 กล่องคนละฝั่ง

ศาลเจ้าคุมาโนะ

หากคุณลงไปทางฝั่งคารุอิซาวะจากศาลเจ้าคุมาโนะเพียงเล็กน้อย คุณจะสามารถมองเห็นภูเขาที่สวยงามรอบๆ คุณสามารถมาที่จุดชมวิวจากคารุอิซาวะได้อย่างง่ายดายโดยรถยนต์ การที่คุณได้เห็นทิวทัศน์นี้จะให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จเหนือความลำบากของเส้นทางด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ

วิวจากจุดชมวิวบนเส้นทางอุซุอิ

เดินทางไปยังคารุอิซาวะจุกุ

เพียงประมาณ 1 ชั่วโมงจากจุดชมวิวของเส้นทางอุซุอิ หากถ้าคุณลงไปตามถนนคุณจะมาถึงคารุอิซาวะจุกุที่เคยเป็นเมืองที่พักระหว่างทางขนาดใหญ่ มีฮอนจินหนึ่งแห่งและวากิฮอนจินอีกสี่แห่ง อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เป็นการยากที่จะหาส่วนที่เหลือของเมืองที่พักระหว่างทางในคารุอิซาวะ ว่ากันว่า "เรียวกังสึรุยะ" ในย่านคารุอิซาวะเดิมนั้นคือใจกลางคารุอิซาวะ แม้แต่ในสมัยเอโดะก็เคยเปิดบริการภายใต้ชื่อ "ฮาตาโกะ สึรุยะ" แต่ก็แทบจะไม่สามารถสรุปได้ว่าบริเวณนี้เป็นศูนย์กลางของคารุอิซาวะจุกุ

เรียวกังสึรุยะ

จากการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาจากสมัยเอโดะมาสู่ยุคเมจิ ถนนสายใหม่ที่เลี่ยงผ่านอุซุอิได้เปิดใช้บริการขึ้น ทำให้บทบาทของคารุอิซาวะในฐานะเมืองที่พักระหว่างทางได้ยุติบทบาทลง

ในฤดูร้อนปี 2438 อเล็กซานเดอร์ ครอฟต์ ชอว์ มิชชันนารีชาวแคนาดา และเพื่อนๆ ของเขาได้มาเยี่ยมเยียนดินแดนแห่งนี้โดยบังเอิญ คารุอิซาวะซึ่งเย็นสบายแม้ในฤดูร้อน ชอว์จึงเรียกว่าที่นี้ "โรงพยาบาลที่ไม่มีหลังคา" เขาได้พักที่ฮาตาโกะ คาเมะยะ ชอว์ชอบคารุอิซาวะมากและจากนั้นไม่นานเขาก็สร้างบ้านพักตากอากาศขึ้นที่นี่ นี่ถือเป็นบ้านพักตากอากาศหลังแรกในคารุอิซาวะ และประวัติศาสตร์ของคารุอิซาวะในฐานะที่พักตากอากาศก็เริ่มต้นจากที่นี่ บ้านพักตากอากาศที่สร้างโดยชอว์ได้รับการบูรณะภายใต้ชื่อ "ชอว์เฮาส์" อยู่ที่หลังโบสถ์ของเขานั้นเอง

โบสถ์ที่สร้างโดยคุณชอว์
บ้านพักตากหลังแรกในคารุอิซาวะ ชอว์เฮาส์อยู่ที่ด้านหลังโบสถ์

คุณมันเป ซาโต เจ้าของ "คาเมะยะ " ที่ชอว์อาศัยอยู่ได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกและวิธีการรปฏิบัติตัวต่อชาวตะวันตกจากการพบปะกับชอว์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนฮาตะโกะเป็นโรงแรมสไตล์ตะวันตก และทำการเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงแรมมันเป " หลังจากนั้นโรงแรมมันเปก็กลายเป็นโรงแรมตัวแทนแห่งคารุอิซาวะ และมีดาราดังมากมาย เช่น John Lennon ก็เริ่มเดินทางมาพักที่นี่

โรงแรมมันเป
ล็อบบี้ของโรงแรมมันเปกับบรรยากาศสุดแสนคลาสสิค

ความสนุกของคารุอิซาวะที่คุณสามารถเรียนรู้ได้จากการเดินไปตามนากะเซ็นโด

ถนนคารุอิซาวะกินซ่าเก่านั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายในทุกฤดูร้อน

คารุอิซาวะเป็นหนึ่งในพื้นที่บ้านตักอากาศชั้นนำของญี่ปุ่น ไม่เพียงแต่มีโรงแรมทันสมัยและห้างสรรพสินค้าที่เรียงรายอยู่บนที่ราบสูงที่มีอากาศเย็นสบาย ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ และโบสถ์เก่าแก่ที่กระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้เกิดภูมิทัศน์และบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคารุอิซาวะ เพียงแค่ได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองนี้ก็สนุกแล้ว และจากมุมมองของการตามเส้นทางนากะเซ็นโดยิ่งทำให้นี่เป็นสถานที่ที่น่าเพลิดเพลินยิ่งขึ้น เราอยากให้คุณมาเยี่ยมเยือนเราที่เมืองที่พักระหว่างทางบนนากะเซ็นโดซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของจังหวัดนากาโน่ด้วยการเดินเท้าจากจังหวัดกุมมะดูสักครั้ง

เวลาที่ใช้ในการท่องเที่ยวโดยประมาณ

สถานีโยโกะกะวะ - ทางเข้าเส้นทางอุซุอิ : ประมาณ 1 ชั่วโมง
ทางเข้าเส้นทางอุซุอิ - ศาลเจ้าคุมาโนะ : ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ศาลเจ้าคุมาโนะ - คารุอิซาวะกินซ่าเก่า : ประมาณ 1 ชั่วโมง
คารุอิซาวะกินซ่าเก่า – สถานีคารุอิซาวะ : ประมาณ 30 นาที

ระยะเวลาที่ต้องการทั้งหมด : ประมาณ 5 - 6 ชั่วโมง (* ไม่รวมเวลาเที่ยวชมสถานที่และการรับประทานอาหาร)
ระยะทางเดินทั้งหมด : ประมาณ 17 กม.

よく読まれている人気記事

MENU