เดินสำรวจเส้นทางที่ยาวที่สุดของนากะเซนโดะ

การเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของวาดะจุกุ (Wada-Juku) และชิโมสุวะ (Shimosuwa) ขณะปีนเขาเส้นทางอันสวยงามของยอดเขาที่สูงที่สุดในเส้นทางนากะเซนโดะ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

19783_ext_01_th_0_L-1

เส้นทางนากะเซนโดะ เป็นทางหลวงสายประวัติศาสตร์ที่ตัดผ่านใจกลางประเทศญี่ปุ่นซึ่งถูกใช้ในช่วงเอโดะ(1603-1868) เพื่อเดินทางระหว่างเมืองหลวงเก่าอย่างเกียวโตและเมืองเอโดะหรือโตเกียวในปัจจุบันที่โชกุนโทคุกาวะได้จัดตั้งขึ้น เส้นทางนี้มีระยะทางกว่า 530 กิโลเมตรและผ่านเมืองต่าง ๆ กว่า 69 เมืองซึ่งเป็นที่พักและแหล่งเสบียงของเหล่านักเดินทาง

หลังเดินทางผ่านเส้นทางวาดะมา คุณจะพบกับทางลาดลงเขาที่สวยงาม มุ่งหน้าไปชิโมสุวะ

แม้เส้นทางส่วนใหญ่จะเลือนหายไปตามกาลเวลา แต่เส้นทางบางส่วนก็ได้รับการบูรณะพร้อมกับเมืองจำนวนหนึ่งซึ่งยังหลงเหลือมาจวบจนถึงปัจจุบัน ทำให้นักท่องเที่ยวมีโอกาสได้สัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นที่ดูเหมือนและให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในหลายศตวรรษก่อน

อาคารจากยุคเอโดะตอนปลายที่มีความสวยงามและประดับด้วยกิ่งก้านอันโดดเด่นของต้นสน

หนึ่งในจุดที่ให้ความรู้สึกแบบนั้นคือ เมืองวาดะจุกุ ซึ่งเป็นจุดพักระหว่างการเดินทางที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของนากาโนะและมีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามเส้นทางดั้งเดิมพาดอยู่บนภูเขาในชื่อเดียวกัน ซึ่งเป็นส่วนที่ยาวที่สุดของเส้นทางนากะเซนโดะ เมื่อรวมเส้นทางนี้เข้ากับการเดินทางไปยังเมืองชิโมสุวะอยู่ใกล้เคียงเพื่อชมสถานที่อันสุดพิเศษ เป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาระหว่างทริปและเติมเต็มประสบการณ์นากะเซนโดะ ของคุณ การเดินป่าและเขาบริเวณนี้สามารถทำได้ในหนึ่งวัน แต่ถ้าคุณอยากเดินทางไปชิโมสุวะด้วย คุณอาจต้องมีเวลาอย่างน้อยสองวัน

ท่อระบายน้ำเพื่อรำลึกถึงภาพพิมพ์ไม้เส้นทางวาดะที่มีชื่อเสียงของฮิโรชิเกะ

สำรวจเมืองวาดะจุกุ (Wada-Juku)

ฮอนจิน (Honjin)ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี คือ วาดะจุกุในภาพด้านบน ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนหน้าต่างสู่อดีตของญี่ปุ่น

เมื่อเดินทางมุ่งหน้าเกียวโตเมืองวาดะเป็นเมืองที่ 28 บนเส้นทางนากะเซนโดะ ในปัจจุบัน ชุมชนในหุบเขาแห่งนี้มีเสน่ห์ เมื่อเดินตามถนนอันเงียบสงบ คุณจะได้พบกับประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะโครงสร้างไม้ที่สวยงามที่มีอายุมากกว่า 150 ปี ซึ่งชุมชนแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางจากมุมหนึ่งของประเทศไปยังอีกฝั่งหนึ่งเข้าชมได้ทุกวัน

แอบมองเข้าไปในฮาทาโกะ เรียวกังจากสมัยนากะเซนโดะซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในอดีต

วาดะเป็นสถานที่สำคัญของเส้นทางเส้นนี้ด้วยเหตุผลสองประการ นักเดินทางทั้งหมดที่เดินทางผ่านนากะเซนโดะจะพักค้างคืนที่เรียวกังแห่งนี้เพราะตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาก่อนผ่านเส้นทางภูเขาที่ยากลำบาก และเมืองแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองถัดไปอย่างชิโมสุวะอยู่มาก เมืองกว่า 69 แห่งของเส้นทางนากะเซนโดะอยู่ห่างกันเฉลี่ย 8 กิโลเมตร แต่วาดะและชิโมสุวะอยู่ห่างกันประมาณ 3 เท่าของค่าเฉลี่ย (22 กิโลเมตร)

พุให้ความสดชื่นผุดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ของเมืองวาดะ

ชุมชนแห่งนี้มีความสดใสและมีพื้นที่กว้างขวาง มีบ้านพักกว่า 100 แห่งและโรงน้ำชา 70 แห่งซึ่งตั้งอยู่ริมถนนยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทั้งหมด 26 แห่งของนากาโนะและเป็นเพียงเมืองเดียวที่มีฮอนจินที่พักสุดหรูที่สงวนไว้สำหรับไดเมียวและเหล่าขุนนางชั้นสูงโดยเฉพาะ ปัจจุบันที่พักเหล่านี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของวาดะ

ห้องที่รับแสงแดดเป็นความเรียบง่ายที่สง่างามของการออกแบบก่อสร้างแบบญี่ปุ่นโบราณ

ปีนเขาตามเส้นทางนากะเซนโดะและเส้นทางวาดะ (Wada)

หินจิโซผู้โดดเดี่ยวบนยอดของเส้นทางวาดะ

จากวาดะจุกุไปยังชิโมสุวะผ่านเส้นทางวาดะมีระยะทางอยู่ที่ประมาณ 22 กิโลเมตรและความชันประมาณ 800 เมตรซึ่งเป็นเส้นทางถนนและพื้นดินผสมกัน และคาดว่าใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง คุณอาจตัดเส้นทางที่เป็นถนนออกไปได้ เราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าคุณวางแผนที่จะทำแบบนั้นแล้วละก็ ตัวเลือกการเดินทางไปกลับจากจุดเริ่มต้นจะจำกัดและการเดินอาจมีความยากขึ้นอีกระดับ ส่วนต่อมาคือรายละเอียดโดยย่อของเส้นทางเดินป่าระยะ 8 กิโลเมตรที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

รายละเอียด

ระยะทาง: ประมาณ 8 กิโลเมตร
ความชันเฉลี่ย: ประมาณ 650 เมตร
เวลาเฉลี่ยในการเดินตลอดเส้นทาง: ประมาณ 4 ถึง 4.5 ชั่วโมง

เริ่มออกเดินตามเส้นทางวาดะจากจุดระบุตำแหน่งที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

เส้นทางวาดะมีจุดสูงสุดอยู่ที่ความสูง 1,600 เมตรซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางนากะเซนโดะ คือปีนขึ้นไป 800 เมตรจากเมืองที่เป็นจุดพักระหว่างการเดินทางทั้งสองเมืองที่ขนาบด้านข้างของภูเขาคนละฝั่ง และเส้นทางนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีคนเดินทางมาเยอะที่สุด เพราะมีทางขึ้นลงระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตรทั้งสองฝั่ง ก่อนจะถึงที่พักและจุดเติมเสบียงหลัก

เส้นทางกลางป่าที่สวยงามซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

เมื่อออกจากถนนใหญ่จะได้พบกับเส้นทางที่ได้รับการบูรณะและดูแลเป็นอย่างดี โดยทางเดินนี้อยู่ห่างจากวาดะจุกุไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เพียง 6 กิโลเมตร เมื่อตอนที่เรามาที่แห่งนี้ คุณโคชิ ไกด์ของเราได้เรียกแท็กซี่จากไปยังจุดเริ่มต้นของเส้นทางแห่งนี้ เป็นการประหยัดพลังงานและเวลาที่ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เป็นถนนอีกด้วย ทำให้เราได้เริ่มเดินที่ความสูง 1,100 เมตรแทนที่จะเริ่มต้นที่ความสูงเพียง 800 เมตร

อาคารหลังคามุงจากโบราณ หรือ เสททาอิ (Settai) ซึ่งเหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ

เส้นทางแห่งนี้ตัดผ่านบริเวณป่าที่ร่มรื่น ขนานไปกับถนนอันคดเคี้ยว แต่ก็ไม่เข้าใกล้ถนนจนน่ารำคาญใจ เส้นทางนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและเดินป่าได้ง่ายเพราะมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทาง เส้นทางมีความกว้างซึ่งสะท้อนความละเอียดอ่อนของขุนนางสตรีและเหล่าบุคคลระดับสูงที่เคยเดินทางผ่านเส้นทางนี้โดยเสลี่ยงบนบ่าของเหล่าบริพาร ซึ่งยานพาหนะนี้เรียกว่า “คาโกะ” ที่ต้องมีทางเดินหน้ากว้างอย่างน้อย 1.8 เมตรเพื่อการสัญจร

เดินผ่านเส้นทางหินธรรมชาติที่เก่าแก่ที่เคยรองรับเหล่าซามูไร พระสงฆ์ และราชวงศ์

ความพิเศษของเส้นทางนี้คือ หินธรรมชาติที่เก่าแก่ซึ่งถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำสะสมมากว่าร้อยปี สิ่งเหล่านี้ทำให้เส้นทางนี้มีชีวิต มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและแตกต่างจากการเดินเขาทั่ว ๆ ไป นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มากเพราะอยู่ห่างจากส่วนอื่น ๆ ของนากะเซนโดะ

อาหารมื้อกลางวันแบบฉบับท้องถิ่น โซบะที่เสิร์ฟพร้อมใบวาซาบิ

เมื่อเดินตามเส้นทางนี้ ทางจะค่อย ๆ ไต่ระดับขึ้นไป รวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 10% เส้นทางนี้ยังตัดข้ามถนนหลายครั้งก่อนจะเดินทางมาถึงร้านอาหารริมทางที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์เพื่อชมวิวในเส้นวีนัส และที่ร้านแห่งนี้ก็เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการแวะทางโซบะเส้นสด ซุปเห็ด และอาหารประจำท้องถิ่นและฤดูกาลด้วยเช่นกัน

นักเดินทางหยุดพักบนยอดของเส้นทางวาดะ

เมื่อเดินอีก 700 เมตรจากตรงจุดนั้นจะพบกับเส้นทางเรียบและกว้างพร้อมกับรูปปั้นและป้ายมากมาย ในวันที่อากาศดี คุณจะได้พบกับความงดงามของภูเขาออนทาเคะ (Mt. Ontake) ที่อยู่ไกลออกไป รวมถึงที่ราบรอบ ๆ ทะเลสาบสุวะ(Lake Suwa) อีกด้วย และที่แห่งนี้ คือ จุดสูงสุดตามหลักภูมิศาสตร์อีกด้วย แต่เมื่อเดินลงมาด้านหลังของเส้นทางแล้วคุณจะได้พบกับลักษณ์ภูมิประเทศที่น่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะคุณจะได้พบภูเขามาบรรจบกับแม่น้ำ มีเสียงน้ำไหลเป็นเพลงประกอบซึ่งนักเดินทางทุกยุคทุกสมัยต่างได้ฟังสืบต่อกันมา

โขดหินและแม่น้ำที่ไกลลงฝั่งชิโมสุวะอย่างแผ่วเบา

การเดินทางของเราจบลงไม่ไกลจากบริเวณนี้ซึ่งเป็นเส้นทางนากะเซนโดะ เดิมเชื่อมเข้ากับทางหลวงหมายเลข 142 ในปัจจุบัน และไกด์ก็เรียกแท็กซี่ให้เราล่วงหน้าเพื่อเดินทางไปยังชิโมสุวะจากตรงนี้ คุณจะเลือกเดินเข้าเมืองได้ โดยเป็นถนนลาดยางยาวตลอดเส้นทาง

เดินทางถึงเมืองแห่งจิตวิญญาณชิโมสุวะ (Shimosuwa)

ต้นซีดาร์ขนาดใหญ่เรียงรายบริเวณทางเข้าวัดจิอุนจิ (Jiunji temple) ที่สวยงาม

ชิโมสุวะมีชื่อเสียงเพราะเป็นเมืองเพียงเมืองเดียวในนากะเซนโดะที่มีออนเซ็น และทำหน้าที่เป็นเมืองปลายทางของโคชู คาอิโด (Koshu Kaido) หนึ่งในห้าถนนโกคาอิโด (Gokaido) ในเวลานั้น ซึ่งโคชู คาอิโดเชื่อมเอโดะเข้ากับจังหวัดคาอิ (Kai) (ยามานาชิ, Yamanashiในปัจจุบัน) ก่อนที่จะรวมเข้ากับนากะเซนโดะ และจุดที่บรรจบของเส้นทางสองสายนี้มีชื่อว่าชิโมสุวะนั่นเอง สถานที่แห่งนี้มีออนเซ็นเพื่อการบำบัดรักษาและเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมและมีความร่ำรวยอีกด้วย

ในปัจจุบันชุคุบะไม่เหมือนเดิมสักเท่าไหร่ โดยมีภาพลักษณ์เป็นเมืองที่สะอาดและร่วมสมัย แต่รอบ ๆ สถานีเจอาร์ชิโมะสุวะ (JR Shimosuwa) ก็ยังมีเสน่ห์และมีสถานที่ที่โดดเด่นบนเส้นทางนากะเซนโดะหรือใกล้เคียงที่ไม่ควรพลาดไปเยี่ยมชมเป็นอันขาด

สุวะ ทาอิชะ (Suwa Taisha) , ชิโมชะ ฮารุมิยะ (Shimosha Harumiya) และศาลเจ้าอะคิมิยะ (Akimiya Shrines)

ชิเมนาวะสุดอลังการที่ศาลเจ้าอาคิมิยะทำเอานักท่องเที่ยวทั้งสองคนตัวเล็กไปเลย

สุวะ ทาอิชะเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในญี่ปุ่นซึ่งมีอิทธิพลและมีเครือข่ายกว่าพันแห่งทั่วประเทศ ทาอิชะหรือ “ศาลเจ้าขนาดใหญ่” แห่งนี้ มีสี่ศาลเจ้าย่อย โดยสองแห่งได้แก่ ฮารุมิยะและอะคิมิยะตั้งอยู่ที่ชิโมสุวะแห่งนี้และเป็นที่รู้จักในชื่อ ชิโมชะหรือศาลเจ้าย่อย มีการคาดการณ์ว่าสุวะ ทาอิชะน่าจะมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 7 และรายละเอียดของที่แห่งนี้ก็ซับซ้อนยิ่งนัก แต่ความงดงามของสถาปัตยกรรมและบรรยากาศรอบ ๆ นั้นสามารถเข้าถึงได้ไม่ยากนัก

มันจิ โนะ เซคิบุตสึ (Manji no Sekibutsu)

พระพุทธรูปหินมีการออกแบบที่ไม่สมดุลและแปลกตาซึ่งผู้คนชื่นชอบเป็นวงกว้าง

คุณอาจไม่เคยเห็นพระพุทธรูปหินจากศตวรรษที่ 17 นี้มาก่อน ความไม่สมดุลและรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนยังปั้นไม่เสร็จทำให้คนอาจมองว่าเป็นฝีมือของช่างฝีมือสมัครเล่น แต่ความไม่สมบูรณ์เหล่านี้มีความหมายและคุณจะไม่สามารถละสายตาไปได้ ยิ่งคุณได้มองมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งหลงใหลมากยิ่งขึ้น

เรื่องราวของการแกะสลักพระพุทธรูปนี้มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ช่างหินแกะสลักหินได้ถูกจ้างให้แกะสลักประตูโทริอิใกล้ ๆ ศาลเจ้าฮารุมิยะโดยเลือกก้อนหินใหญ่มาเพื่องานนี้ แต่เมื่อใช้สิ่วที่เจาะหิน ก็มีเลือดไหลออกมาจากหินทำให้ช่างหินเกิดความเกรงกลัวและหนีไป ต่อในปี 1660 ช่างแกะสลักหินได้แกะสลักหินศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นพระพุทธรูปขึ้นมาแทน คุณสามารถมาชมพระพุทธรูปหินนี้ได้เพียงเดินจากศาลเจ้าฮารุมิยะประมาณ 5 นาทีเท่านั้น

วัดจิอุนจิ (Jiunji Temple)

สวนหินอันสวยงามในวัดจิอุนจิ

วัดจิอุนจิเป็นวัดเซนที่มีความสวยงามและความเงียบสงบ วัดแห่งนี้มีประวัติที่ยาวนานกว่า 700 ปี มีอาคารที่สร้างมาตั้งแต่สมัยนากะเซนโดะ มีมุมถ่ายภาพกับต้นซีดาร์ที่เรียงรายสวยงาม สถาปัตยกรรมที่งดงามเรียบง่าย และพื้นที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ไม่มีผู้คนพลุกพล่านเข้ามาทำลายบรรยากาศ หรือภาพถ่ายของคุณ วัดแห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับการเดินเล่นช้า ๆ และคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ต้องทำอย่างอื่นไปพร้อม ๆ กัน คุณอาจไม่สามารถหาวัดที่น่าประทับใจกว่าที่แห่งนี้ได้อีกแล้ว และถ้าคุณมาเยี่ยมชมชิโมสุวะแล้วละก็ที่แห่งนี้คืออีกสถานที่ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด

บ้านฮอนจิน (Honjin) อิวานามิ (Iwanami)

สวนของบ้านฮอนจินอิวานามิซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นสวนที่ดีที่สุดในนากะเซนโดะ

บ้านฮอนจินอิวานามิเป็นสถานที่มีประวัติศาสตร์อันล้ำค่า ที่นี่เป็นที่พักของราชวงศ์และชนชั้นสูง รวมถึงแขกผู้มีเกียรติมากมาย โดยยังมีหลักฐานการเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้อยู่ในรูปแบบของเซกิฟุดะ หรือป้ายไม้และกระดาษที่แขกเหล่านี้นำมาวางไว้บริเวณทางเข้าที่พักเพื่อระบุตัวตนผู้เข้าพักและระยะเวลาในการเข้าพัก

บางส่วนของเซกิฟุดะของผู้ที่มาพัก

จักรพรรดิเมจิเองก็เคยมาที่บ้านแห่งนี้ในปี 1880 แม้ว่าจะไม่ได้พักค้างคืนแต่ก็แวะพักทานอาหารที่ห้องเสื่อทาทามิ ภายในวิวของสวน ระหว่างปี 1600 ถึงช่วงปี 1800 สถานที่แห่งนี้เป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่อยู่ในสถานะต่ำกว่าไดเมียว แต่ในปัจจุบันได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม คุณจะได้เพลิดเพลินกับมัทฉะและมันจูในสถานที่เดียวกันกับที่จักรพรรดิเคยนั่ง

มัทฉะรสขมจับคู่อย่างลงตัวกับมันจูรสหวาน

คุณอิวานามิ เจ้าของบ้านรุ่นที่ 28 เป็นผู้ดูแลฮอนจินและเป็นผู้เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับสถานที่และสิ่งประดิษฐ์ในบ้าน นอกจากนี้ยังได้เล่าเกร็ดความรู้เกี่ยวกับครอบครัวของเขา และคุณจะได้จิบชาและชมสวนที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่สมัยที่เส้นทางโบราณแห่งนี้ยังรุ่งเรือง คุณยังมีโอกาสได้นั่งนึกถึงการเดินทางของคุณในนากะเซนโดะ ซึ่งเป็นการปิดท้ายประสบการณ์เดินทางที่ยากจะลืมเลือน

よく読まれている人気記事

MENU