จังหวัด Nagano ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอล์ปญี่ปุ่นที่สูง 3,000 เมตรจึงถูกเรียกว่า "หลังคาของญี่ปุ่น" ซึ่งทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์และที่ราบสูงที่มีลมพัดแรงของที่นี่นั้นดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาตลอดทั้งปี
พื้นที่ราบสูงหลายแห่งในตอนกลางของจังหวัด Nagano นั้นยื่นออกมาจากฐานของภูเขา Yatsugatake ซึ่งผ่านทะเลสาบ Suwa ไปจนถึงเมือง Matsumoto แล้วที่ราบสูงตระหง่านแห่งนี้มีความสูงตั้งแต่ 1,400 - 2,200 เมตรเป็นทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นตอนเหนือ, ตอนกลางและตอนใต้จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลบอากาศที่ร้อนในฤดูร้อนและเพลิดเพลินกับการขับรถชมวิว บนถนนเหล่านี้จะสามารถชมกลุ่มเมฆได้ในระดับที่ใกล้สายตาทำให้มีความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถผ่านท้องฟ้าอยู่
เมือง Chino เป็นทางเข้าสู่ที่ราบสูงเหล่านี้ซึ่งหากเริ่มต้นขับจากที่นี่จะสามารถเพลิดเพลินกับการขับรถชมทัศนียภาพที่สวยงามบนหลังคาของญี่ปุ่นพร้อมกับชมประวัติศาสตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่แห่งนี้ได้ การเดินทางแบบสั้น ๆ 2 วันรอบ ๆ บริเวณนี้ถือเป็นการได้หลีกหนีความวุ่นวายในเมืองหรือเป็นการเดินทางเที่ยวรอบญี่ปุ่นแบบไกลขึ้นกว่าเดิม
วันที่ 1: Chino และ ทางหลวง Marchen
ในวันแรกให้นั่งรถไฟไปยังสถานี Chino และเช่ารถจากบริษัทที่ให้บริการรถเช่าในบริเวณใกล้เคียง (ดูบริษัทรถเช่าใน Nagano ได้ที่นี่) จุดเริ่มต้นของเส้น Venus Line อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ถึง 1 กิโลเมตรและห่างจากทางหลวง Marchen อีกเล็กน้อย
จากสถานีใช้ทางหลวง Marchen ประมาณ 50 นาทีเพื่อไปยังบึง Shirakoma
บึง Shirakoma
บึง Shirakoma ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าที่สวยงามที่ปกคลุมไปด้วยมอสกว่า 400 สายพันธุ์ที่ด้านบนสุดของช่องเขา Mugikusa ของภูเขา Yatsugatake ซึ่งมอสเหล่านี้กระจายออกกว้างจนทำให้ดูเหมือนพรมที่อุดมไปด้วยสีเขียวชะอุ่มปูอยู่บนต้นไม่ที่ล้มและก้อนหิน มีบางจุดที่ดูเหมือนฉากในภาพยนต์อนิเมชั่นเรื่อง “Princess Mononoke” ของค่าย Ghibli และแม้แต่ต้นไม้ชนิดหนึ่งในป่านี้ก็ตั้งชื่อตามภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย จากความสูงระดับน้ำทะเล 2,115 เมตรนั้นทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีอากาศเย็นสบายแม้ในช่วงฤดูร้อนที่ร้อนที่สุด
เดินไปถึงที่บึงเพียง 15 นาทีจากที่จอดรถผ่านป่ามอสเป็นเส้นทางที่สามารถเดินเล่นรอบบึงได้ใน 40 นาทีและแวะพักจิบกาแฟที่กระท่อมบนภูเขาริมฝั่งน้ำได้ หลายเส้นทางที่แผ่ออกมาจากบ่อน้ำเป็นเส้นทางที่ไปสู่ที่ตั้งแคมป์อื่น ๆ หากต้องการชมวิวที่สวยงามของบึงจากด้านบนขอแนะนำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เดินไที่ Takamiishi ซึ่งใช้เวลา 45 นาที
เราอาจไม่สามารถมองแยกมอสประเภทต่าง ๆ ในป่าได้ แต่มีบางสายพันธุ์ที่โดดเด่นอยู่ เพราะด้วยมอสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตมากกว่ารูปร่างจึงเห็นมอสรูปทรงต่าง ๆ มากมายเติบโตบนพื้นดิน, บนต้นไม้ที่มีชีวิต, ต้นไม้ที่ตายแล้ว และมอสที่ซ่อนอยู่ในรอยแตกในหิน แต่โดยส่วนใหญ่ไม่สามารถแยกออกได้ฉะนั้นหากโชคดีคุณอาจได้เห็นมอสเรืองแสงที่โดดเด่นได้ก็เป็นได้!
พิพิธภัณฑ์โบราณคดี Togariishi Museum of Jomon Archeology
จุดที่จะแวะต่อไปคือพิพิธภัณฑ์โบราณคดี Togariishi ในยุค Jomon ตั้งอยู่ใน Togariishi ที่ชาว Jomon เคยอาศัยอยู่เมื่อ 5,000 ปีก่อน ในเวลานั้นพื้นที่สูงรอบ ๆ เมือง Chino เป็นที่ตั้งของถิ่นฐานชาว Jomon ที่มีลักษณะเฉพาะมากถึง 1,000 แห่งซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสภาพอากาศที่เย็นว่าพื้นที่ด้านล่างและความอุดมสมบูรณ์ของหินออบซิเดียนซึ่งเป็นสินค้าล้ำค่าในยุคนั้นทำให้ที่ราบสูง Kirigamine และเชิงเขา Yatsugatake เป็นสถานที่ที่ได้รับการสนใจสำหรับการตั้งถิ่นฐาน
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีเครื่องปั้นดินเผาและรูปแกะสลักดินเผายุค Jomon มากมายรวมถึงตุ๊กตาดินเผา “Jomon no Venus” ซึ่งเป็นสมบัติของชาติและมีตัวอย่างที่ปั้นออกมาได้ประณีตที่สุดของรูปแกะสลัก Jomon ที่พบในปัจจุบันอยู่ด้วย
ผู้มาเยือนอาจต้องประหลาดใจที่ได้พบกับเครื่องปั้นดินเผาธรรมชาติที่มีรูปแบบขดที่รู้สึกคุ้นตาอย่างน่าประหลาดใจ ในขณะที่ความสนใจได้ส่งไปยังยุค Jomon และวัฒนธรรมที่สำคัญในช่วงศตวรรษที่ 20 ทำให้สุนทรียภาพของยุค Jomon มีอิทธิพลต่อศิลปะและวัฒนธรรมแบบ Pop Culture ของญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้หลาย ๆ การ์ตูนและวิดีโอเกมได้มีแบบตุ๊กตาดินเผา Jomon และรูปแบบของเครื่องปั้นดินเผา Jomon มาใช้เช่นเดียวกับในเกมแฟรนไชส์ล่าสุด the Legend of Zelda
ผลงานของ Terunobu Fujimori
บ้าน หรือ สิ่งก่อสร้างของ Terunobu Fujimori เป็นสวรรค์ของผู้ที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมที่มีความสนใจในการออกแบบสไตล์ญี่ปุ่นและชอบที่จะนำความสนุสนานแปลกใหม่ใส่เข้าไปด้วย พวกเขาผสมผสานวัสดุแบบดั้งเดิมที่ย้อนกลับไปในญี่ปุ่นโบราณแบบที่ย้อนกลับไปไกลถึงสมัยโจมงจึงทำให้สิ่งก่อสร้างแต่ละแบบมีความเป็นเอกลักษณ์สูง
พิพิธภัณฑ์ Moriya เป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของศาลเจ้า Suwa Taisha ซึ่งหนึ่งในศาลเจ้าที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดแห่งหนึ่งของ Nagano ค่าเข้าชมพื้นที่พิพิธภัณฑ์ Moriya คือ 100 เยนและมีการจัดแสดงเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ภายในให้ได้ชมกัน ด้วยค่าบริการที่ถูกมากจึงคุ้มค่าที่จะเข้าไปเพื่อดูภายในของอาคารเช่นบันไดที่นำไปสู่สะพานชักในร่มที่ชั้นสอง ฯลฯ
ด้านหลังพิพิธภัณฑ์เป็นเส้นทางเล็ก ๆ ที่ทอดผ่านทุ่งเล็ก ๆ 2 -3 แห่งขึ้นไปบนเนินเขาไปยังจุดที่มีบ้านน้ำชาของคุณ Fujimori ที่พวกเขาเรียกว่า Soratobu-bune (เรือบิน), Takasugi-an (บ้านน้ำชาที่สูงเกินไป) และ Hikusugi-an (บ้านน้ำชาที่เตี้ยเกินไป) ซึ่งดูจากชื่อก็เห็นได้ชัดว่าการสร้างสรรค์ของเขาไม่ใช่ค่านิยมทางสถาปัตยกรรมแบบทั่วไป
ใช้เวลายามค่ำคืนใน Tateshina Onsen
ระหว่างทางที่จะมุ่งหน้ากลับไปทาง Venus Line และทางหลวง Marchen ก็มาแวะที่ Tateshina Onsen เพื่อที่จะค้าง 1 คืนซึ่งมีที่พักที่ดีทั้งเล็กและใหญ่หลายแห่งที่นี่ แล้วโรงแรม Tateshina Grand Taki no Yu อยู่ไม่ไกลจาก Venus Line และอยู่ใกล้กับ Kita-Yatsugatake Ropewayทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการค้างคืน อีกทั้งยังมีมีออนเซ็น สิ่งอำนวยความสะดวกและอาหารบุฟเฟ่ต์พร้อมอีกคือดีงามมากไร้ที่ติ
จากเสียงของแม่น้ำที่ไหลผ่านโรงแรมนั้นก็บ่งบอกได้เลยว่าบริเวณนี้มีน้ำมากมายซึ่งที่นี่มีบ่อออนเซ็นหลายแห่งให้คุณได้เพลิดเพลินไม่ว่าคุณจะมาพักค้างคืนหรือมาเที่ยวแบบไม่ค้างคืนก็ตาม อีกทั้งยังมีห้องอาบน้ำกลางแจ้งอีก 2 แห่งซึ่งห้องอาบน้ำชั้น 1 จะเห็นทิวทัศน์อันงดงามของหุบเขา ส่วนห้องอาบน้ำอีกที่ที่อยู่ใกล้มาก ๆ จะเป็นห้องอาบน้ำที่เห็นทิวทัศน์ของต้นไม้และดอกไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องอาบน้ำในอาคารและห้องอาบน้ำส่วนตัวสำหรับครอบครัวหรือคู่รักอีกด้วย (ดูชั่วเวลาเปิดให้บริการในแต่ละวันได้ที่ด้านล่าง)
บุฟเฟ่ต์อาหารค่ำและอาหารเช้าประกอบด้วยอาหารญี่ปุ่นและอาหารตะวันตกหลากหลายรายการตั้งแต่เนื้อย่าง, พิซซ่าไปจนถึงซูชิและอุด้งซึ่งนอกจากจะได้รับประทานอย่างจุใจแล้วยังสามารถเลือกรับประทานได้ตามใจชอบอีกด้วย แม้แต่นักกินที่จุกจิกที่สุดก็สามารถหาของที่ชอบได้ที่นี่และคนที่ชอบการผจญภัยก็สามารถลิ้มลองอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอีกมากมายได้
วันที่ 2: เส้นทาง Venus Line
เส้นทาง Venus Line นั้นเชื่อมต่อพื้นที่ราบสูงตอนกลางของจังหวัด Nagano เป็นที่ที่สามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพรอบด้านอันน่าตื่นตาตื่นใจของพื้นที่โดยรอบได้ การเดินทางด้วยความสูงระหว่าง 1,400 - 2,000 เมตทำให้รู้สึกเหมือนกำลังขับรถข้ามทิวทัศน์ที่ดูเหมือนลอยอยู่ในก้อนเมฆ โดยเป็นถนนที่ตัดผ่าน Tateshina Onsen ที่มุ่งหน้าไปยังที่ราบสูง Kirigamine และทะเลสาบ Shirakaba แล้วใช้เวลาขับรถไปอีกเพียง 7 นาทีจากโรงแรมก็จะถึงจุดหมายปลายทางต่อไปซึ่งก็คือ Kita-Yatsugatake Ropeway
Kita-Yatsugatake Ropeway
Kita-Yatsugatake Ropeway จะเดินทางขึ้นภูเขา Yatsugatake ไปยังที่ราบสูงที่มีความสูง 2,237 เมตรซึ่งนอกเหนือจากสถานีโรปเวย์ยังมีสวนหินอัคนีและต้นสนที่มีลมพัดแรงล้อมรอบด้วยยอดเขา Yatsugatake อีกด้วย และเส้นทางคดเคี้ยวผ่านสวนของที่ราบสูงนั้นเชื่อมไปยังจุดสูงสุดของภูเขาหลายลูกที่อยู่ใกล้เคียงอย่างภูเขา Yokodake และ Shimakare ที่แม้ในวันที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อนก็มีอากาศที่เย็นสบาย
ที่นี่คุณสามารถเห็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Shimakare ในภาษาญี่ปุ่น หรือ Fir Wave (คลื่นเฟอร์)ในภาษาอังกฤษได้ ซึ่งเมื่อมองไปที่ภูเขาจะมีต้นไม้ที่ตายแล้วตัดเป็นแนวยาวผ่านป่า เป็นปรากฏการที่ต้นไม้ที่ตายแล้วได้ล้มตัดเป็นแนวเหล่านี้เคลื่อนตัวขึ้นไปบนภูเขาจากต้นไม้ที่สัมผัสกับลมจนเริ่มเหี่ยวเฉาและมีต้นไม้ใหม่ ๆ งอกขึ้นมาต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลาหลายปีนั่นเอง
กลับมาที่สถานีมีคาเฟ่และจุดชมวิวซึ่งจากจุดชมวิวคุณสามารถมองเห็นเทือกเขาแอลป์ทั้ง 3 ของญี่ปุ่นและส่วนยอดเขา Yatsugatake ได้ มาดื่มกาแฟและของว่างอย่าง Daifuku หรือซอฟต์ครีมที่ทำจากแครนเบอร์รี่ภูเขาในคาเฟ่กัน
เส้นทาง Venus Line
หลังออกมาจาก Kita-Yatsugatake Ropeway แล้วให้เดินขึ้นไปบนภูเขาต่อไปยังทะเลสาบ Shirakaba สามารถหาที่พัก Ikenotaira Hotel and Resort ได้ที่นี่ซึ่งมีกิจกรรมมากมายสำหรับครอบครัวตั้งแต่สวนสนุกขนาดเล็กไปจนถึงสไลเดอร์น้ำและสวนสัตว์ที่สามารถให้ลองจับดูได้ ผู้ที่เดินทางผ่านแบบไม่ค้างคืนก็สามารถแวะชมวิวเหนือทะเลสาบเพื่อชมวิวได้เช่นกัน
จุดหมายปลายทางถัดไปคือที่ราบสูง Kirigamine Kogen ในฤดูร้อนดอกลิลลี่สีเหลืองสดใสจะแผ่ออกไปตามทุ่งหญ้าเหมือนพรมและในช่วงฤดูใบไม้ร่วงดอกต้นธูปฤาษีสีเงินจะแกว่งไปมาตามสายลมอย่างแผ่วเบา สามารถแวะร้าน Chaplin Restaurant เพื่อชมทุ่งนาได้อย่างใกล้ชิด หรือมุ่งหน้าไปที่ Yashima Shitsugen และเดินไปตามเส้นทางผ่านที่ราบลุ่มที่มีดอกลิลลี่, ไอริส, ผักโขมและอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
ที่เมือง Matsumoto สุดทางสาย Venus Line คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง Utsukushigara มีประติมากรรม 350 ชิ้นตั้งอยู่บนเนินหญ้ามองเห็นทิวทัศน์ภูเขาที่กว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะหรือทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากล้วนยากที่จะตัดสินใจให้เลือกชม!
มุ่งหน้ากลับบ้านหรือเดินทางต่อ
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้ง Utsukushigahara เสร็จก็มุ่งหน้าไปยังเมือง Matsumoto หรือ Ueda เพื่อคืนรถ (ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัทที่ให้บริการรถเช่าในจังหวัด Nagano) สามารถเดินทางต่อไปที่ปราสาท Matsumoto ได้หรือสามารถมุ่งหน้ากลับ Tokyo โดยใช้รถไฟ Super Express Azusa จากเมือง Matsumoto หรือ Hokuriku Shinkansen จากเมือง Ueda ก็ได้เช่นกัน
Notes
Tateshina Grand Hotel Taki No Yu
รายละเอียดการบริการบ่อออนเซ็น
เวลาเปิดให้บริการ: 13:00 - 21:00 น.
แผนกต้อนรับ: เคาน์เตอร์ต้อนรับชั้น 3
ราคา: ผู้ใหญ่ / 1,500 เยน เด็ก / 800 เยน
ผ้าขนหนูเช็ดหน้า (ซื้อ) 200 เยน
ผ้าขนหนูเช็ดตัว (เช่า) 300 เยน