Nakasendo คืออะไร?
เมืองหลวงของญี่ปุ่นในปัจจุบันอยู่ในเมืองที่อยู่ทางตะวันออกซึ่งก็คือ Tokyo แต่ในประวัติศาสตร์นั้น Kyoto เคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง แต่หลังจากการสู้รบที่ Sekigahara ในปีค.ศ.1600 นั้น Ieyasu Tokugawa ได้ขึ้นเป็นโชกุนแห่งญี่ปุ่นและย้ายรัฐบาลไปยังที่ตั้งปัจจุบันคือ Tokyo (ในเวลานั้นเรียกว่า Edo) ถนนห้าสายที่เรียกว่า 'Gokaido' ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางเชื่อมต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นกับศูนย์ราชการแห่งใหม่นี้ ซึ่งถนนที่มีการเดินทางอย่างหนาแน่นและมีชื่อเสียงที่สุดคือถนน Tokaido ซึ่งยังคงใช้งานเชิงพาณิชย์ในปัจจุบันอยู่ อย่างไรก็ตามเส้นทางที่ยาวที่สุดคือ Nakasendo ที่ครอบคลุมประมาณ 534 กิโลเมตรและมี 69 เมืองค้างแรมที่ตั้งอยู่ตลอดเส้นทาง โดยมี 26 เมืองค้างแรมอยู่ในจังหวัด Nagano
เนื่องจาก Nakasendo ไม่ได้มีการใช้ในการเดินทางอย่างหนาแน่นในปัจจุบัน สถานที่ทางประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่จึงยังคงสมบูรณ์เลยยังมีผู้คนมาเยี่ยมชมเมืองโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งนี้ หรือบางคนก็ไปเดินป่าไปตามส่วนต่าง ๆ ของถนน ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่าระหว่าง 2 เมืองหรือการเดินทางข้ามเขตการปกครองต่าง ๆ ดังนั้นสำหรับผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น, สถาปัตยกรรมหรือการเดินป่า Nakasendo ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเยี่ยมชมเลยก็ว่าได้
เมื่อไม่นานมานี้ฉันเดินทางเข้าไปในหุบเขา Kiso เพื่อเดินป่าระหว่าง 2 เมืองโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง Tsumago และ Magome
Tsumago-juku
ฉันมาถึงก่อนเวลา 6 โมงเย็นและเช็คอินเรียวกังที่ได้จองเอาไว้ ซึ่งท้องฟ้าก็มืดลงแล้วและมีการจุดโคมไฟตามถนนซึ่งทำให้ปูนปั้นสีขาวของบ้านเรือนแบบชนบทได้สว่างขึ้นในขณะที่ทิวทัศน์หุบเขาจางหายไป คืนนั้นฉันใช้เวลาในการเดินสำรวจตามถนนแล้วพบว่าร้านอาหารและร้านค้าต่าง ๆ ปิดให้บริการแล้ว และเห็นคู่รักจับมือกันและเดินเล่นในเมือง เนื่องจากถนนที่นี่โรแมนติกและเงียบสงบมากดังนั้นฉันจึงตัดสินใจว่าจะหาอะไรดื่ม
ซึ่งที่เดียวที่ยังเปิดหลัง 1 ทุ่มคือคาเฟ่เล็ก ๆ ใกล้เรียวกังที่ได้จองเอาไว้ ฉันเดินเข้าไปและนั่งลงในขณะที่รอให้เจ้าของออกมา แล้วฉันก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่เมนูที่ร้านนี้มีเฉพาะกาแฟเย็นและชาเขียว แต่เมื่อเจ้าของร้านเดินมาหาและประโยคแรกที่พูดกับฉันคือ “เบียร์? สาเก?” ฉันเลยได้ดื่มสาเกท้องถิ่น Nanawarai ของ Kiso หนึ่งแก้วและฉันประทับใจมาก ลูกค้าคนอื่น ๆ หลายคนก็แวะมาเที่ยวกลางคืนและเราทุกคนเลยคุยกันอย่างเป็นกันเองก่อนแยกย้ายกันไปนอน
เส้นทาง Nakasendo
เช้าวันรุ่งขึ้นฉันรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกันเองที่เรียวกัง จากนั้นก็ไปสำรวจ Tsumago ในตอนกลางวันก่อนออกเดินทางไปที่ต่อไป ซึ่งร้านค้าต่าง ๆ เริ่มเปิดประมาณ 09:00 น. ฉันเริ่มออกเดินทางไปสู่ Magome ฉันเดินออกมาจากหมู่บ้านและตามป้ายบอกทางที่จะมุ่งไปทาง Nakasendo และได้ผ่านบ้านเกษตรกรรมและทุ่งนาไปด้วย
ในที่สุดฉันก็ได้เดินเบี่ยงออกจากถนนสายหลักและเดินขึ้นไปบนเส้นทางที่ปูด้วยหินกรวดเข้าไปในป่า แสงแดดส่องประกายระหว่างต้นไซเปรสที่สูงและแม่น้ำด้านล่างไหลออกไป ซึ่งบางครั้งเส้นทางก็เป็นทางขึ้นลาดชันแต่ก็เดินไม่ยาก และมีระฆังไล่หมีถูกติดตั้งไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อไล่แขกที่ไม่ต้องการออกไป
ผ่านไป 1 ชั่วโมงครึ่งของการเดินบนเส้นทางที่คดเคี้ยวผ่านป่าและสะพานฉันก็มาถึงช่องเขาที่มีประตูศาลเจ้า Torii ซึ่งด้านหลังเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานีพักผ่อน เจอชายผู้เป็นมิตรที่ใส่หมวกต้อนรับฉัน เขามอบชาและขนมให้ ยังมีนักเดินทางชาวญี่ปุ่นและชาวออสเตรเลีย 2-3 คนมาพักผ่อนที่นี่เช่นกันเราเลยได้คุยกันสักพักแล้วได้รู้ว่าเกือบทุกคนมุ่งหน้าไปในคนละทิศทางกัน (เนื่องจากเป็นทางลงเนินจาก Magome ไปยัง Tsumago) เมื่อฉันพร้อมแล้วฉันก็เดินต่อไปในทิศทางที่ไป Magome สำหรับช่วงสุดท้ายของการเดินทาง
ในที่สุดฉันก็โผล่ออกมาจากป่าไปยังถนนที่มีป้ายต้อนรับสู่จังหวัด Gifu ฉันจึงข้ามถนนและเดินไปตามเส้นทาง Nakasendo อีก 2-3 นาทีก่อนที่จะเจอหุบเขาแยกออกตรงหน้าเผยให้เห็นภูมิประเทศของภูเขาที่กว้างใหญ่ที่ยื่นออกไปสุดขอบฟ้า ซึ่งเส้นทางที่เหลือพาฉันไปบนที่ราบและทุ่งที่เต็มไปด้วยหญ้าและผ่านบ้านเก่าแก่หลายหลังรวมทั้งกังหันน้ำที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม จนผ่านไป 20 นาทีฉันก็มาถึง Magome-juku
Magome-juku
วิวของภูเขา Ena และเทือกเขาโดยรอบนั้นโดดเด่นที่เทือกเขาเหล่านั้นดูเหมือนจะเชื่อมต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในเฉดสีฟ้าที่แตกต่างกัน จากนั้นฉันรู้สึกว่าเริ่มจะเป็นลมจากแดดตอนกลางวันดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปใน Magome และพยายามหาที่ร่ม
เมืองนี้ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่านในวันธรรมดาและมีร้านค้ามากมายเปิดจำหน่ายเครื่องถ้วยชามพิเศษและผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ ส่วนตู้ร้านขายขนมจะขายขนมยอดนิยมเช่น Oyaki, Gohei Mochi และไอศกรีมรสชาติพิเศษ ยังมีร้านขายสาเกซึ่งเห็นได้จากรูปทรงกลมที่ทำจากต้นซีดาร์ลูกใหญ่ที่ประดับอยู่หน้าร้านซึ่งพวกเขาขายแอลกอฮอล์ในท้องถิ่น (รวมทั้ง Nanawarai) และเสิร์ฟถ้วยที่ทำโดยช่างฝีมืองานไม้ของ Kiso แล้วมีร้านหนึ่งสวยมากจนมีสวนสวยในสวนหลังบ้านด้วย ร้านอาหารแต่ละร้านมีเอกลักษณ์ของตัวเองและที่ที่ฉันเข้าไปคือร้านที่มีการตกแต่งตั้งแต่พื้นจรดเพดานด้วยหน้ากากที่แปลกประหลาดนั่นเอง
ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะเที่ยวใน Magome-juku เพราะการเดินทางกลับไปยังสถานี Nagano นั้นต้องใช้เวลานาน ฉันจึงถ่ายภาพบริเวณนั้นเพิ่มเติมและมุ่งหน้าไปถึงสุดทางของเมือง แล้วฉันก็นั่งรถบัสไปยัง Nakatsugawa และขึ้นรถไฟกลับบ้าน ครั้งนี้ฉันมีความสุขกับการปีนเขาและพบกับผู้คนที่เป็นมิตรทั้งคนในพื้นที่และนักเดินทางที่ฉันได้พบระหว่างทาง แล้วสัปดาห์หน้าฉันจะมาต่อในตอนที่ 2 ซึ่งฉันจะไปเยี่ยมชมเมืองโบราณอื่น ๆ ในทิศทางที่ไปสู่ Edo
การเดินทาง
เดินทางไปโดยการนั่งรถไฟด่วนพิเศษจากสถานี Nagano ไปยังสถานี Shiojiri (60 นาที) และเปลี่ยนเป็น JR Chuo Line เพื่อไปยังสถานี Nagiso (90 นาที) จากนั้นนั่งรถบัสที่วิ่งเส้นทางระยะสั้นไปยัง Tsumago-juku สำหรับการเดินทางกลับให้นั่งรถบัสจาก Magome ไปยังสถานี Nakatsugawa และเดินทางโดยรถไฟกลับไปที่สถานี Shiojiri (110 นาที) จากนั้นมุ่งหน้ากลับไปยัง Nagano จากที่นั่น